เรื่องผีที่น่าน
1.
เรื่อง คนถามทาง
วันนั้นเป็นวันที่ครอบครัวผมจะกลับบ้านที่จังหวัดน่านครับ
ไปกัน 4 คน มีพ่อ แม่ ผม และลูกชายของผม เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 5
โมงเย็น เพื่อจะได้ไปถึงน่านตอนรุ่งเช้าพอดีครับ.. ผมเป็นคนขับครับ
ก็ขับรถเดินทางไปตามปกติ จนเข้าสู่จังหวัดพิษณุโลก
ก็ได้แวะปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพื่อเติมน้ำมัน และพักรถด้วย หลังจากเติมน้ำมัน
และเข้าห้องน้ำกันเรียบร้อย ผมก็ไปจอดรถอยู่ตรงหน้าร้านสะดวกซื้อ
เราทั้งหมดก็นั่งพักกันที่โต๊ะหินอ่อนข้างๆ รถ คุยกัน กินขนมกันไป..
ระหว่างนั้นก็มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเข้ามาทัก
เพื่อจะถามเส้นทางไปน่าน เดาว่าคงเห็นรถเราเป็นป้ายทะเบียนน่านน่ะครับ
สามีภรรยาคู่นี้เขาบอกว่าเป็นคนน่านเหมือนกัน
เพิ่งจะซื้อรถใหม่ป้ายแดงได้อาทิตย์เดียว
กำลังจะกลับไปรับลูกสาวที่บ้านเพราะเป็นช่วงปิดเทอม ขับรถก็ไม่ค่อยจะแข็ง
และถึงแม้ว่าจะเคยโดยสารรถบัสเดินทางไป-กลับกรุงเทพฯ บ่อยๆ แต่ก็หลับบนรถตลอด
พอต้องมาขับเองก็เลยไม่ชินเส้นทาง.. ผมเลยบอกพวกเขาไปว่า ‘ไปเรื่อยๆ
ครับ ตรงอย่างเดียว พอถึงเด่นชัยแล้วค่อยเลี้ยวขวา ทีนี้ก็ยาวเลยครับ ถึงแน่นอน..’ จากนั้นทั้งคู่ก็ขอตัวเดินทางต่อ
หลังจากที่สามีภรรยาคู่นั้นไปแล้ว
ผมก็ได้งีบหลับพักสายตาประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วจึงออกเดินทางกันต่อ..
เราเดินทางกันตามปกติโดยพ่อผมนั่งข้างผม เป็นเพื่อนคุยกันจะได้ไม่ง่วง ส่วนแม่
และลูกชายผมหลับอยู่ที่เบาะหลัง.. เวลาประมาณตี 2 ผมขับมาถึงอำเภอเด่นชัย
และก็ตามทันรถของสามีภรรยาคู่นั้น ผมกับพ่อจำรถ และทะเบียนเขาได้แม่น
เป็นรถกระบะสีดำ ผมก็ขับแซงเขา และบีบแตรทักทายไป
ช่วงจังหวะแซงก็ไม่ได้เร็วอะไรมากครับ พ่อผมก็หันไปดู พ่อบอกว่า ดูเขาง่วงรึเปล่า? เหมือนจะตาปรือๆ
ส่วนเมียน่าจะเอนเบาะลงนอนอยู่มั้ง.. จนไปต่อเรื่อยๆ พอดีแม่ผมขอให้แวะปั๊มหน่อย
เพราะเหมือนจะท้องเสีย ผมจึงต้องแวะเข้าปั๊มแห่งหนึ่งก่อนถึงอำเภอร้องกวางครับ
หลังจากทำธุระเสร็จ
ผมก็ได้ยืดเส้นยืดสายล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แล้วก็ออกเดินทางกันต่อ..
จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงก็เข้าสู่ร้องกวาง โดยถนนจะแคบลงเหลือ 2 เลนครับ..
ก่อนจะถึงโรงพยาบาลร้องกวางประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร ผมเห็นไกลๆ ว่ามีคนยืนกลางถนน
เพราะถนนช่วงนั้นจะมีไฟรายทางค่อนข้างสว่าง ผมก็เปิดไฟสูงเพื่อดูชัดๆ
และให้พ่อกับแม่ผมช่วยดู และพอใกล้เข้าไปก็เห็นชัดเจนเลย พ่อผมพูดขึ้นมาว่า ‘เอ? เหมือนผัวเมียคู่นั้นเลย
ระวังนะลูกชะลอรถนะ เขาโบกไม้โบกมืออยู่กลางถนนเลย..’ ผมเลยเหยียบเบรคเพื่อหยุดรถ
ห่างจากจุดที่เขายืนอยู่กลางถนนประมาณ 30 เมตร ซึ่งจุดที่เขายืนอยู่นั้น
ตรงกับประตูทางเข้าโรงพยาบาลร้องกวางพอดี
แล้วทั้งคู่ก็วิ่งมาที่รถเราฝั่งประตูข้างพ่อผม ยืนห่างจากรถเราเกือบ 2
เมตรน่าจะได้ ซึ่งก็ชัดเจนว่าเป็นสามีภรรยาคู่นั้นจริงๆ
ทุกคนในรถงงกันมากครับว่าเกิดอะไรขึ้น? ทำไมทั้งคู่ถึงมายืนอยู่ตรงนี้?
แล้วพ่อผมก็ลดกระจกลงตะโกนถามทั้งคู่ว่า
‘เป็นอะไรกันรึเปล่า
มายืนขวางรถทำไม แล้วรถไปจอดตรงไหนกัน?’ คนที่เป็นสามีก็ถามขึ้นมาว่า ‘คือตรงไปอย่างเดียวใช่ไหม
ไม่ต้องเลี้ยวไหนแล้วใช่ไหมครับ?’
พ่อผมคงหงุดหงิดขึ้นมา
ที่เขามาขวางรถเพื่อถามแค่นี้ พ่อก็บอก ‘ก็ใช่ไง ตรงยาวเลย อีกแค่ 80
กว่าโลก็เข้าเมืองน่านแล้ว..’
ทันทีที่พ่อผมพูดจบ
สามีก็จับแขนภรรยาแล้ววิ่งจากไปทันที.. พวกเราก็อึ้งกันไปพักนึง
จนพ่อผมบอกว่าจะขับต่อให้เอง ให้ผมไปนั่งข้างๆ
แล้วบทสนทนาระหว่างเดินทางต่อจากนั้น
ก็คือคุยกันแต่เรื่องสามีภรรยาคู่นั้นไม่หยุดเลยครับ..
ผ่านไปจนอีกประมาณ 40 กิโลเมตร
จะเข้าสู่จังหวัดน่าน รถก็ติดครับ ทั้งที่ก็ดึกมากแล้ว ทางเส้นนั้นจะแคบ
และโค้งขึ้นเขาลงเขาเยอะมาก รถก็ค่อยๆ ไหลไปๆ ..และแล้วข้างหน้าครับ
สาเหตุของรถติด.. พวกเราก็ได้เห็นภาพที่ต้องจำติดตามาจนถึงทุกวันนี้เลยครับ
มีอุบัติเหตุชนประสานงากันแบบยับเยินเลยครับ ระหว่างรถพ่วง 18 ล้อ
กับรถกระบะสีดำป้ายแดงที่คุ้นเคย โดยศพสามีภรรยาคู่นั้นยังอัดเละติดคาซากรถอยู่เลย!
มันทำให้ผม และครอบครัวช็อคกับเรื่องครั้งนั้นมากจริงๆ
พูดถึงแล้วก็ยังขนลุกไม่หาย..
Story by คุณโอภากร
ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น