เรื่องผีที่ร้อยเอ็ด


1.
เรื่อง ศาลา

 

เรื่องนี้ส่งมาจากคุณต้าเหว่ยครับ คุณต้าเหว่ยเล่าว่า.. เมื่อไม่นานมานี้ ช่วงก่อนวันสงกรานต์ ผมต้องเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อจะกลับบ้านเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด ผมขับรถไปคนเดียวครับ ทีนี้พอเข้าสู่โคราช มันจะมีเส้นทางหนึ่งที่เป็นทางตรงยาวๆ ไม่มีบ้านคน ไม่มีไฟถนน มีแต่ศาลาท่ารถเก่าๆ มืดๆ ตลอดทาง จู่ๆ ผมก็ดันนึกถึงเรื่องที่พี่คนหนึ่งที่รู้จักกันเคยเล่าให้ฟัง ว่าเคยมีหญิงสาววัยรุ่นท้องอ่อนเพิ่งเลิกกับแฟน และโดนแฟนไล่ออกจากบ้าน เธอจึงมารอรถอยู่ที่ศาลาท่ารถ แต่โบกรถคันไหนก็ไม่มีใครจอดรับ.. จนพลบค่ำ มีรถโดยสารประจำทางคันหนึ่งกำลังจะผ่านมา เธอก็ออกมาโบกรถ แล้วล้ำเส้นขอบทางออกมามากเกินไป รถโดยสารก็คงไม่ทันเห็นเลยชนเธอเข้า แล้วลากไปไกลกว่า 7 ศาลา รอยเลือดนี่ยาวไปตลอดทาง เช้ามาถึงมีคนมาพบศพ และหลังจากนั้น เรื่องราวความเฮี้ยนของเธอก็ได้เริ่มต้นขึ้นครับ

คือช่วงระหว่างศาลาที่ 1 ถึง 7 ชาวบ้านมักจะเห็นเธอมายืนโบกรถตลอดทุกศาลา ยิ่งถ้าหากเป็นรถโดยสารแล้วล่ะก็ เธอจะวิ่งตามตั้งแต่ศาลาที่ 1 ยัน 7 เลย หรือบ้างก็รถดับเองที่ศาลาที่ 1 แล้วได้ยินเสียงเหมือนคนขึ้นรถ พอออกรถวิ่งต่อ ก็ไปดับอีกตรงศาลาที่ 7 แล้วพอรถออกไปใหม่ คนขับจะเห็นเธอยืนอยู่ท้ายรถตรงศาลานั้น..

ย้อนกลับมาที่ผม ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็ขนลุกสิครับ เพราะเส้นทางที่ผมกำลังจะขับผ่านไปนี่คือเส้นทางเดียวกันเลย ตอนนั้นเป็นช่วงหัวค่ำแล้วด้วย ขับไปถึงศาลาแรกก็เกือบๆ 2 ทุ่มแล้วครับ ด้วยความที่ระแวง สายตาผมก็ดันเหลือบไปเห็นพอดี มีผู้หญิงยืนอยู่ที่ศาลา! ในหัวผมคิดเลยว่า เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องจริงว่ะ!ผมรีบเหยียบเลยครับ ผ่านศาลาที่ 2 ก็ยังเจอ จนศาลาที่ 4 ก็ยังเจอ เจอมาตลอดทุกศาลาครับ แล้วระยะทางต่อศาลานึงก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ด้วยสิ ผมว่าผมเจอดีเข้าแล้วแน่ๆ จนมาถึงศาลาที่ 5 นี่หนักเลยครับ พอผ่านศาลานี้เธอวิ่งตามรถผมมาเลย! มองจากกระจกเห็นสายตาจ้องเขม็งมาก ผมเหยียบที่ 120140 ได้ครับ ขับเร็วกว่านี้กลัวอันตราย ช้ากว่านี้ก็กลัวตามทัน จนผมขับมาถึงศาลาที่ 7 ตามเรื่องที่ได้ฟังมาก็นึกว่าคงรอดแล้ว.. สักพักนึง รถมันเหมือนยุบลงไป ผมนี่ใจเต้นรัวเลยครับ! พอผมมองผ่านกระจกมองหลังเท่านั้นล่ะ แม่คุณเอ้ย ชัดเลย.. เธอมานั่งอยู่ในรถผมแล้ว!!! และภาพของเธอนั้นผมยังจำได้ติดตา ลักษณะหน้าตาของเธอคือ..

 

คิ้วโก้ หน้ากลม ผมงาม ต้องตา อะโห้..

สาวบางโพนี่ล่ะโก้จริงๆ

 ยิ้มมีเสน่ห์ เก๋เกินมองข้าม

 ถามใครดูได้ สวยไปทุกสิ่ง

 รูปทรงสง่า หน้าตางามยิ่ง

 สาวใดไม่เปรียบ เทียบสาวบางโพ

 ขวัญสะทก อกเราเอ๋ย..

ขวัญสะทก อกเราเอ๋ย..

ไม่น่าเลย มาหลงรักสาวบางโพ

 แต่ดแต่แต๊แดแดตแด่แด่

 แต่ดแต่แต๊แดแดตแด่แด่

 

ผมนี่ลุกขึ้นเต้นเลยครับ!

 
Story by คุณต้าเหว่ย

ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/
..................................................
.................................................





2.

เรื่อง คนตายกลับบ้าน

เมื่อก่อนยอมรับเลยค่ะว่าไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย แถมยังชอบท้าทายตามประสาวัยรุ่นอีกต่างหาก จนได้มาเจอกับตัวเองนี่ล่ะค่ะ.. เมื่อต้นปีที่แล้ว ย่าของหญิงเสียด้วยโรคเบาหวานค่ะ ปกติหญิงกับย่าไม่ได้อยู่ด้วยกันนะคะ ย่าหญิงอยู่กับอาที่จังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนหญิงอยู่กับพ่อแม่ที่จังหวัดปราจีนบุรีแต่เด็ก ก่อนจะย้ายมาเรียนในกรุงเทพฯ เลยไม่ค่อยได้เจอย่าเท่าไหร่ นานๆ จะได้ไปเยี่ยมที..

วันนั้นหญิงอยู่หอ อาโทรมาหาแต่เช้ามืดบอกว่าย่าเสียแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคือหน้าชา หมดแรง น้ำตาร่วงเลยค่ะ แต่ก็พยายามรวบรวมสติคุยจนจบ แล้วก็ไม่รอช้า คว้ากระเป๋าตังค์ออกจากห้องแล้วรีบนั่งรถตู้ไปร้อยเอ็ดทันที เพื่อจะให้ทันรดน้ำศพ แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้รถติดมากๆ เลยไปไม่ทันรดน้ำศพ แต่หญิงไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ฟังสวดศพไปตามปกติ.. จนคืนที่ 2 พ่อกับแม่หญิง และญาติๆ ที่อยู่ปราจีนบุรีก็มาถึงค่ะ ในคืนที่ 2 ก็ยังคงปกติไม่มีอะไร วันรุ่งขึ้นก็เป็นงานเผา ซึ่งก็ผ่านไปด้วยดี.. แต่เรื่องมันมาเกิดช่วงกลางคืนต่อจากนี้ล่ะค่ะ

ความเชื่อโบราณว่าไว้ คนตายจะรู้ว่าตัวเองตายก็ตอน 3 วัน 7 วัน โดยเฉพาะคนภาคอีสานก็เชื่อว่าคนตายจะกลับมาบ้าน จึงมีการจัดสำรับข้าวเผื่อไว้ให้คนตาย 1 ชุด ลักษณะเป็นชามใส่ข้าว และชามกับข้าวต่างๆ ใส่รวมไว้ในถาด ซึ่งที่บ้านของย่านั้นก็ทำเช่นกัน แต่ตอนนั้นหญิงไม่เชื่อค่ะ คิดว่าเป็นเรื่องงมงาย เลยทักว่า ย่าเขาจะได้กินจริงๆ เหรอ?’ แล้วก็มีพี่คนหนึ่งเป็นลูกของอา พี่ได้ยินเลยบอกว่า ถ้าอยากรู้ว่าได้กิน หรือไม่ได้กิน ให้ลองเอาทรายเทใส่ถาดแล้วกวาดให้เรียบ ถ้าผ่านคืนนี้ไปแล้วมีรอยบนทราย แสดงว่าย่าแกกลับมาบ้านจริงๆหญิงได้ฟังก็ยิ่งอยากลอง เลยตกลงทำตามที่พี่บอก ก่อนจะแยกย้ายกันไปเข้านอน.. คืนนั้น สักประมาณตี 2 หญิงจำได้ว่าได้ยินเสียงหมาหอนอยู่ไม่ไกล รวมถึงเสียงเหมือนถ้วยชามกระทบกับถาด หญิงก็สงสัยนะ แต่ด้วยความง่วงมากกว่า และคิดว่าอาจจะแค่หูแว่วไปเอง เลยไม่ได้ออกไปดู จากนั้นก็นอนหลับๆ ตื่นๆ เพราะได้ยินเสียงนั้นอยู่ตลอดคืน..

ตื่นเช้ามา ก็มีญาติๆ มาอยู่รวมกันที่หน้าห้องหญิงตรงที่วางถาดสำรับ ก็เลยเดินไปดู สิ่งที่เห็นคือ ทรายในถาดสำรับมีแต่รอยมือ ในชามข้าวก็มีทรายปนอยู่ด้วย ตอนนั้นหญิงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียว.. ผ่านไปจนเข้าวันที่ 7 ช่วงนั้นหญิงกำลังสนใจเรื่องคนตายกลับบ้านเอามากๆ จนได้ไปอ่านเจอกระทู้หนึ่ง เขาบอกว่า ถ้าอยากพิสูจน์ว่าคนตายกลับบ้านจริงหรือเปล่า? ให้เอาเงินปากผีโยนไว้ที่ประตูหน้าบ้าน และโรยแป้งฝุ่นไว้ที่พื้นบ้าน..หญิงก็เลยอยากจะลองอีกสักครั้ง โดยไม่ได้บอกใคร เพื่อให้แน่ใจ.. คืนนั้นก่อนนอนก็เลยจัดแจงโรยแป้งทั่วพื้นห้องนอนเลย แล้วก็เข้านอนตามปกติค่ะ แต่แล้วหญิงก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนประมาณเที่ยงคืน เพราะได้ยินเสียงคนเดิน คือหญิงปูเสื่อนอนพื้น มันเลยได้ยินชัดมากๆ ค่ะ หญิงก็นอนฟังอยู่นานมาก จนเสียงเงียบหายไป ตอนนั้นจากไม่เชื่อไม่กลัว หัวใจนี่แบบเต้นรัวเลยค่ะ ต้องพยายามนอนข่มตาให้หลับอยู่นาน จนหลับไป..

พอตื่นเช้ามา ก็รีบมองรอบๆ ห้องก่อนเลย แต่ก็ไม่เห็นว่ามีจะรอยเท้าเลยสักนิด เลยคิดเอาว่าเรื่องรอยมือในถาดสำรับ ก็คงเป็นเรื่องบังเอิญ หรือมีใครแกล้งมากกว่า แต่พอหญิงเข้าห้องน้ำส่องกระจก ภาพที่เห็นทำเอาหญิงแทบช็อคเลยค่ะ เพราะบนตัวหญิงมีแต่รอยแป้งเป็นรูปมือเต็มไปหมด ตอนนั้นคือเหมือนคนจิตหลุดเลยจ้า รีบวิ่งออกจากห้องมาแบบไม่มีมีสติ หยิบกระเป๋าได้ เก็บข้าวของ โทรตามคิวรถตู้กลับหอเลยค่า.. ตั้งแต่นั้นมา จากคนไม่เคยกลัวผี ทุกวันนี้กลายเป็นคนระแวงตลอดเวลา สำหรับหญิงนะ เรื่องพวกนี้ถ้าเราไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่หรือไปท้าทายจะดีกว่าค่ะ

Story by คุณหญิง

ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/

 

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรื่องผีที่สมุทรปราการ

เรื่องผีที่ลำปาง