เรื่องผีที่อุบลราชธานี



1.

เรื่อง ทางรถไฟกลางหมู่บ้าน

บ้านผมเป็นหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี มีทางรถไฟผ่านกลางหมู่บ้านเลย หมู่บ้านข้างๆ ก็เช่นกัน และเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ มันเกิดขึ้นที่หมู่บ้านข้างๆ ครับ.. คือครอบครัวหนึ่ง มีตา ยาย และหลานชาย อายุประมาณสัก 5-6 ขวบ ทุกๆ วัน ตาจะขี่รถพาหลานชายไปส่งไว้ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ อบต. แล้วตอนเย็นก็ไปรับกลับบ้านตามปกติ โดยจะต้องผ่านทางรถไฟสายนี้เสมอ และทางรถไฟสายนี้ก็เคยมีอุบัติเหตุให้ถึงแก่ชีวิตบ่อยครั้ง

มีอยู่วันหนึ่ง ตาแกรู้สึกกระวนกระวายใจ เอาแต่บ่นอยู่คนเดียวว่า เดี๋ยวไม่ทันรถไฟเที่ยวบ่าย 3 โมงแกบ่นอยู่อย่างนั้นจนยายก็รู้สึกแปลกใจ เพราะปกติก็ไม่ได้เคยจะขึ้นรถไฟไปไหน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร.. จนสักประมาณบ่าย 2 โมงกว่าๆ ตาก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้าน มุ่งตรงไปรับหลานชายที่ศูนย์ฯ ซึ่งต้องข้ามทางรถไฟ ก่อนไปแกก็บ่นๆ ประโยคเดิมตลอดว่า เดี๋ยวไม่ทันรถไฟเที่ยวบ่าย 3 โมงยายรู้สึกไม่ค่อยดี แต่ก็ห้ามไม่ทัน.. พอไปถึงศูนย์ฯ ตาก็รบเร้าครูผู้ดูแลเด็ก จะพาหลานกลับบ้านให้ได้ โดยบอกกับครูว่า เดี๋ยวไม่ทันรถไฟเที่ยวบ่าย 3 โมงครูห้ามยังไงตาแกก็ไม่ฟัง เพราะยังไม่ถึงเวลาปล่อยเด็กกลับบ้าน จนครูทนเสียงรบเร้าของแกไม่ไหว เลยอนุญาตให้ตาพาหลานกลับบ้านได้

แล้วตาก็ขี่รถพาหลานกลับมาทันรถไฟเที่ยวบ่าย 3 โมงจริงๆ โดยที่ตาแกขี่รถพุ่งตรงเข้าหารถไฟเลย ผู้คนที่กำลังรอข้ามทางรถไฟก็ร้องตะโกนห้าม หลานชายก็ร้องบอกตา รถไฟๆๆๆแต่เหมือนตาแกไม่รับรู้อะไรแล้วครับ ขี่มอเตอร์ไซค์พุ่งชนรถไฟขบวนด่วนพิเศษ เสียชีวิตคาที่อย่างสยดสยองทั้งคู่ ท่ามกลางสายตากลุ่มชาวบ้านแถวนั้น.. โดยชาวบ้านบางคนที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นลุงแกหน้าดำๆ หมองคล้ำ ตาลอยไร้แววตาอย่างผิดปกติ ไม่รับรู้ถึงเสียงตะโกนของชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะขี่รถพุ่งชนรถไฟเสียชีวิต..

หลังจากเหตุสลดไม่นาน หลานชายคนนั้นก็เฮี้ยนมากครับ ด้วยเหมือนว่ายังไม่ถึงคาด และคงต้องการตัวตายตัวแทน วิญญาณของหลานชายก็หลอกหลอนคนแถวนั้นเป็นว่าเล่น ทั้งยืนร้องไห้อยากกลับบ้านบ้าง หรือที่หนักหน่อยคือ พนักงานรถไฟแทบทุกขบวนเมื่อวิ่งผ่านจุดเกิดเหตุ จะต้องได้เจอวิญญาณของเด็กคนนั้น ทั้งมาเกาะหน้าต่างด้วยใบหน้าอาบเลือดบ้าง วิ่งแข่งกับรถไฟบ้าง ทำเอาพนักงานรถไฟต้องคอยทำบุญให้อยู่เสมอ ทั้งซื้อขนม ของเล่น และเสื้อผ้าให้วิญญาณของหลานชาย

แล้วไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีกที่เดิม ตายยกครัวเช่นเดิม จนทางการต้องปิดทางข้าม และสร้างสะพานข้ามทางรถไฟที่จุดนั้นแทน ชาวบ้านต่างเชื่อว่าที่ตรงนี้มีวิญญาณตายโหง ที่ต้องการตัวตายตัวแทนอยู่จากรุ่นสู่รุ่นไม่จบไม่สิ้น..


Story by คุณเต้ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/
..............................................................
..............................................................



2.

เรื่อง  วิญญาณผ่านร่าง

แนนมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อปอ ที่บ้านปอเป็นคนเคร่งศาสนา พ่อแม่ของปอเป็นคนทรงทั้งคู่ และตัวปอเองก็เคยเล่าให้แนนฟังว่า ปอเองก็เคยมีองค์มาลงเหมือนกัน ซึ่งตอนนั้นแนนเอง เป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ที่แนนจะเล่า เป็นเหตุการณ์สมัยที่ไปเข้าค่ายอาสา เมื่อสมัยมัธยมปลาย โดยตอนนั้น แนน ปอ และเพื่อนๆ ในชั้นเรียน ไปกันกับรถทัวร์ของโรงเรียน มีประมาณเกือบ 40 คน เดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี ออกเดินทางบ่ายวันศุกร์ กลับเย็นวันอาทิตย์ ค้างคืน 2 คืน ค่ายอาสาครั้งนี้ คือไปเรียนรู้การใช้ชีวิตของชาวบ้านท้องถิ่นที่นั่น

ตอนไปถึงก็มืดแล้ว ที่พักของเราจะเป็นโรงแรมเล็กๆ ที่อยู่ค่อนข้างลึกเข้าไปจากถนนสายหลัก แนนนอนห้องเดียวกับปอ ซึ่งตอนนั้นยังไม่สนิทกันมาก เพราะปอเพิ่งย้ายมาจากโรงเรียนอื่นได้ไม่นาน.. หลังจากอาบน้ำ ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จ ก็ปิดไฟเข้านอนเลย โดยเปิดไฟห้องน้ำ และแง้มประตูไว้นิดหน่อยให้พอมีแสง

กลางดึกคืนนั้น แนนตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงคนพูดพึมพำๆ อยู่ใกล้ๆ แนนตกใจมาก และก็หันไปที่ปอ แนนเห็นปอนอนหลับตา ปากพูดพึมพำออกมา แต่กลับเป็นเสียงแหบแห้งของชายแก่ ที่ฟังไม่รู้เรื่อง จับใจความไม่ได้.. ตอนนั้นแนนรู้สึกเย็นวาบที่หลังคอทันที และตัดสินใจ วิ่งออกจากห้องไปเคาะประตูหา เพลิน กับยุ้ย ที่อยู่ห้องข้างๆ และเล่าให้ฟัง พอได้ยินแบบนั้น ก็ไม่มีใครกล้าไปที่ห้องแนนเลย

จนสุดท้ายทั้ง 3 คนก็รวบรวมความกล้า กลับไปที่ห้องแนน พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นปอนั่งบนเตียง และผงกหัวขึ้นลงๆ อยู่ซ้ำๆ ดูผิดปกติมากๆ จนแนนตะโกนเรียก ปอ เสียงดัง.. ปอถึงจะหันหน้ามา ทำหน้าสงสัย และถามว่า เกิดอะไรขึ้น? แล้วเพลิน กับยุ้ยมาทำอะไร?’ แนนเลยเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง ปอตอบด้วยเสียงเรียบง่าย ปนหัวเราะว่า.. ปอเคยถูกทำพิธีเปิดร่างทรง เป็นคนที่เป็นทางผ่านให้ดวงวิญญาณได้ ถ้าเมื่อไหร่ร่างกายอ่อนเพลีย จิตอ่อน อาจมีโอกาสที่จะมีวิญญาณแถวนี้ มาเข้าผ่านร่างเราได้ง่าย..  พอได้ยินแบบนั้น แนน เพลิน และยุ้ย ก็ได้แต่มองหน้ากัน ขนลุกซู่ พูดอะไรไม่ออก.. แล้วเราก็ขอย้ายไปนอนที่ห้องของเพลิน กับยุ้ยทั้ง 2 คืน..

จากวันนั้นจนถึงตอนนี้ แนน กับปอก็เป็นเพื่อนสนิทกัน คุยกันได้ปกติ และเรา 2 คน ก็เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่เมื่อไหร่ที่ต้องไปค้างคืนที่ไหน แนนก็จะแยกห้องนอน โดยที่ปอก็เข้าใจดีว่าแนนกลัว..

Story by SINTHAI

 ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/

..........................................................................

...........................................................................



 

3.
เรื่อง  ห้าวันหลอน - คุณพลอย
                เรื่องนี้มีคนแนะนำมาค่ะ เคยฟังครั้งนึงนานมากแล้ว เกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี (เจ้าของกระทู้คุ้นเคยจังหวัดนี้มาก บึ๋ยยย ) เป็นโรงแรม 2 ดาว ออกจากตัวเมืองไม่ไกล อยู่ใกล้สนามบิน พลอยเป็นเทรนเนอร์สอนสปา ที่อุบล เรื่องเกิดวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภา มีเพื่อนชวนพลอยไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง ช่วงเย็นวันที่ 18 พลอยกลับมาจากทานข้าว ผ่านฟ้อนท์โรงแรม แล้วขึ้นลิฟท์ รู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม พลอยพักห้อง 516 ตอนนอนประมาณตี 3 ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะจากข้างห้องตรงหัวเตียง เสียงผู้หญิงหัวเราะ เหอะๆๆๆ แล้วได้ยินเสียงใกล้มาเรื่อยๆ พลอยคิดว่าเค้าเมา แล้วอยู่ดีดีผู้หญิงคนนั้นก็กรี๊ด พลอยลุกไปเข้าห้องน้ำ พอออกจากห้องน้ำได้ยินเสียงวิ่งๆๆ มาหยุดที่หน้าห้อง แต่ไปส่องตราแมวดูไม่มีอะไร พอนอนไปสักพักอีกก็ได้ยินเสียงวิ่งมาหยุดที่หน้าห้องอีก ก็นอนฟังไปเรื่อยๆ แล้วสักพักก็ได้ยินเสียงถูกพื้นตั้งแต่ตีสามถึงตีห้า จนพลอยนอนไม่หลับตัดสินใจออกมาดู แต่ก็ไม่มีอะไร พลอยก็โทรไปถามล๊อบบี้ พนักงานก็ตอบว่าลูกค้าท่านอื่นทำอะไรหกแล้วมาเช็ดหรือเปล่า พลอยเลยคิดให้ใจว่าทำตั้งแต่ตีสามถึงตีห้า พอตอนเช้าวันอาทิตย์พลอยจะไปทำบุญ เลยเดินไปบอกแม่บ้านไปทำความสะอาด แล้วบอกว่าจะไปทำบุญที่วัดนี้แม่บ้านทำท่าตกใจ พอตอนเย็นกลับมา แม่บ้านก็มาถามว่าว่างมั้ยมีอะไรจะคุยด้วย แต่พอดีพลอยติดพิมพ์งาน สักพักตอนพลอยลุกไปจะอาบน้ำเปิดประตูออกมาเก้าอี้ที่วางอยู่หน้าห้องน้ำถอยครูดดดด พลอยตกใจมาก พลอยก็เลยเข้าไปสวดมนต์ในห้องน้ำ พอออกมาอีกที โต๊ะที่วางอยู่ชิดผนัง ดันออกมาอยู่ครึ่งห้อง ตอนนั้นพลอยสติหลุดเพราะคิดว่าอยู่คนเดียว เป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะเข้ามาแล้วเลื่อนโต๊ะได้เร็วขนาดนั้น จึงรีบลงไปที่ล๊อบบี้ แล้วโทรหาเพื่อน เพื่อนเลยบอกให้ขึ้นไปใหม่ ไปไหว้พระแล้วนอน พอวันรุ่งขึ้นก็สอนนักเรียนปกติ พอดีสอนเสร็จนักเรียนนักเรียนก็ขึ้นไปเข้าห้องน้ำที่ห้อง แต่ก็มาบอกพลอยว่ามีใครอยู่ในห้องน้ำเปิดไม่ออก พลอยยืนยันว่าไม่มี แล้วนักเรียนก็กลับ พลอยก็อาบน้ำแล้วเอาผ้าเช็ดตัวมาพาดที่พนักเก้าอี้  พอจะล้มตัวลงนอนปรากฏว่าสายตาเหลือบเห็นเก้าอี้เลื่อนถอยหลังแล้วผ้าเช็ดตัวไปอยู่ใต้เก้าอี้ พลอยนอนไม่ได้จึงออกไปหาอะไรกินกลับมานอนอีกทีตอนตี 4 พอเช้าแม่บ้านก็มาถามว่าจะเปลี่ยนห้องมั้ย พลอยก็แปลกใจทำไมถามแบบนั้น แม่บ้านเลยบอกว่าที่ได้ยินเสียงกรี๊ดวันนั้น ไม่มีใครอยู่ข้างห้องพลอยเลย พลอยเลยบอกว่ากลัวมากเจอมาสามวันแล้ว คืนที่สี่ พลอยกึ่งหลับกึ่งตื่น เจอผู้หญิงผมบลอนผมลอน มาบอกว่าช่วยอะไรหน่อยสิ แล้วบอกชื่อ (ขออนุญาติบอกตามที่พลอยเล่าเลยนะคะ) เค้าชื่อสุภาพร สุวรรณกูฎ ชื่อเล่นจิ๋ม อยู่วัดบ้านนิคม บอกว่ามีของที่อยากได้ แล้วเดินออกไป พอเช้าพลอยเลยไปถามพนักงาน พอเอ่ยชื่อพนักงานตกใจโทรศัพท์หล่นจากมือ พนักงานเลยเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนสุภาพรเป็นพนักงานที่นี่ และมีครั้งนึง สุภาพรต้องลากกะยาวจนถึง 4 ทุ่ม พอเลิกงานสุภาพรก็ขับมอเตอร์ไซด์กลับบ้าน 30 พฤศจิกายน 2554 ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุชนกับรถกระบะ มอเตอร์ไซด์ขาดครึ่ง หน้าสุภาพรเละ เสียชีวิตคาที่ และก็ยังกลับมาหลอกคนที่โรงแรมเรื่อยๆ ผ่านไป 3 วัน แฝดของสุภาพรประสบอุบัติเหตุขับรถลงห้วย เสียชีวิตคาที่ (สุภาพรมีฝาแฝด) แม่บ้านไปถามคนทรง คนทรงบอกว่าเห็นสุภาพรเดินตามหลังพลอยตั้งแต่วันแรก พลอยตัดสินใจไปทำบุญที่วัดนั้นในวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่ามีคนนี้อยู่จริงๆ ก็ซื้อของไปทำบุญ แล้วพระที่วัดก็ติดต่อแม่สุภาพรมา สาเหตุที่เป็นพลอยอาจเป็นเพราะว่าได้ยินพลอยพูดแต่แรกว่าจะไปวัดบ้านนิคมเลยตามพลอย พอวันที่ 5 กลับมาก็กลับมาไหว้พระก่อนนอนและบอกสุภาพรว่า ฉันไปทำบุญให้แล้วบอกแม่แล้วตามที่สุภาพรต้องการ คือขอเสื้อผ้าและรองเท้าส้นสูง ปรากฏว่าตอนที่ท่องนโมอยู่ ผ้าม่านรูดครืดออกมาครึ่งหน้าต่าง พลอยนอนไม่ได้ต้องลงไปนอนที่ล๊อบบี้จนถึงตีสี่
                สุพาภรเสียชีวิตวันเงินเดือนออก ที่นัดกับเพื่อนจะไปกินหมูกระทะกัน สาเหตุที่สุภาพรอยู่โรงแรมนี้ได้เพราะที่นี่เป็นโรงแรมคริสต์ไม่มีศาล และเหตุผลที่ศพยังไม่เผา เพราะความเชื่อทางภาคอิสาน จะเก็บศพไว้ก่อน 1 ปี ถึงจะเผา ที่เด็ดกว่าคือคุณป๋องเดอะช๊อกเคยไปพักที่โรงแรมนี้ เพราะมีรูปถ่าย คุณป๋องบอกว่าโรงแรมที่อุบล ที่ดาราชอบไปพัก มีน้ำพุอยู่ด้านหน้าโรงแรม โรงแรมเป็นสีเทา (เจ้าของกระทู้อยากรู้มาก เพราะเคยอยู่อุบลหลายปี) เรื่องนี้หลอนมากจริง เพราะตอนเราฟังอยู่ที่กรุงเทพ แต่ต้องเดินทางกลับอุบลในวันต่อมา ปรากฏว่าช่วงใกล้สว่าง นั่งรถทัวร์ ตื่นขึ้นมาเจอบ้านหลังหนึ่ง ชื่อบ้าน...... สุวรรณกูฎ ช๊อกไปแป๊บนึงค่ะ แต่เรื่องนี้ฟังนานมากแล้วจริงๆ แล้วจำชื่อเรื่องไม่ได้ เคยตามหาเพราะอยากรู้ว่าโรงแรมไหน (ตอนนั้นฟังรายการสด) จนมาได้ฟังอีกก็วันนี้แหละค่ะ  
ขอบคุณที่มา https://pantip.com/topic/35092208/story
..........................................................................
...........................................................................

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรื่องผีที่สมุทรปราการ

เรื่องผีที่ร้อยเอ็ด

เรื่องผีที่ลำปาง