เรื่องผีที่สุราษฏร์ธานี


1.

เรื่อง  หนึ่งคืนในสุราษฎร์ฯ

เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณเคครับ คุณเคเล่าว่า.. 3 ปีที่ผ่านมาช่วงวันหยุดยาว ผมมีโอกาสได้ไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปคนเดียวครับ ไม่ได้จองโรงแรมไว้ด้วย กะว่าไปหาเอาที่นั่นเลย ผมนั่งรถไฟไป พอไปถึงก็เดินหาโรงแรมในตัวเมืองก่อนเลย ซึ่งปรากฏว่าเต็มหมด ตอนนั้นนี่ท้อเลยครับ ไม่รู้จะไปนอนไหน พอดีพี่คนขับรถสองแถวเค้าแนะนำมา บอกว่ามีที่ตลาดอยู่โรงแรมนึง เดี๋ยวพาไป ผมก็ตกลงไปก็ไป..

พอไปถึง ลักษณะโรงแรมก็กลางๆ ไม่เก่าไม่ใหม่ ผมก็ไปเช็คอิน แต่ยังไม่ได้ขึ้นไปดูห้อง ฝากของไว้ที่ล็อบบี้โรงแรม และไปหาอะไรกิน เดินเล่น ถ่ายรูปจนเย็น ค่อยกลับมาที่โรงแรม ลักษณะห้องเปิดเข้าไปจะเป็นห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือ มองตรงไปจะเป็นที่นอน ขวามือที่นอนจะเป็นกระจกบานใหญ่ ซ้ายมือเป็นหน้าต่างมีผ้าม่านปิดไว้.. ผมเข้าห้องมาก็อาบน้ำ แล้วมานอนเล่นโทรศัพท์จนหลับไป นานแค่ไหนก็จำไม่ได้นะครับ.. แล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝักบัวเปิดครับ ตอนนั้นไฟในห้องปิดหมดเหลือแต่ไฟในห้องน้ำ ผมก็เลยลุกเดินไปดู แต่ปรากฏว่าพื้นกลับแห้ง ก็คิดว่าคงหูฝาด เลยกลับมานอนต่อ ..แต่พอนอนไปได้สักพัก ก็ได้ยินอีกครับ เสียงเปิดฝักบัวดัง ซู่เลย ผมหยิบโทรศัพท์มาดูเวลา ประมาณเที่ยงคืนพอดี ผมเลยเดินไปดูอีกครั้ง คราวนี้พื้นเปียกจริงๆ เอาละ.. ผมเริ่มคิดละว่าผมคงเจอดีเข้าแล้วแน่ๆ แต่ก็พยายามนอนต่อ โดยเปิดเพลงและใส่หูฟัง ด้วยความเพลียเลยเผลอหลับไปอีกครั้ง

แล้วก็มาอีกครับ แต่คราวนี้มาเป็นเสียงเคาะประตูเลย เสียงดังทะลุเข้ามาทั้งๆ ที่ผมใส่หูฟังอยู่ ผมก็ไม่กล้าเดินไปดู เพราะมันต้องผ่านห้องน้ำ แต่ว่าเสียงเคาะมันไม่หยุด และดังขึ้นเรื่อยๆ เลยคิดว่าพนักงานคงมาเรียก หรือมีเหตุร้ายอะไรหรือเปล่า? ผมกลั้นใจรีบวิ่งผ่านห้องน้ำไปเปิดประตู แต่พอเปิดไปนี่ขนลุกวาบเลยครับ ไม่มีใครเลย.. ทีนี้หลอนหนักเลยครับ นอนไม่หลับ ผมเลยกดโทรศัพท์โทรหาแฟน คุยให้หายกลัว คุยจนผมหลับคาสายไปเลย.. แต่มันยังไม่จบแค่นั้นครับ คราวนี้มาหนักเลย ผมสะดุ้งตื่นเพราะมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนเหยียบขึ้นมายืนบนที่นอนตรงปลายเท้าผม ตอนนั้นนี่ผมก็ไม่กล้าลืมตาดูเลย หูผมยังคงได้ยินเสียงแฟนเรียกชื่อผมดังออกมาจากโทรศัพท์ แต่ผมไม่กล้าตอบ นอนนิ่งเป็นท่อนไม้ คิดในใจว่า เดี๋ยวทำบุญไปให้.. อย่ามารบกวนกันเลยพร้อมกับสวดมนต์มั่วบทไปหมด.. จนผ่านไปสักพัก ที่นอนก็ค่อยๆ คืนรูป ผมเลยลองลืมตาขึ้นมา ก็แทบช็อคครับ ผมเห็นเงาดำๆ 3 เงายืนอยู่ที่ปลายเตียง และค่อยๆ เดินหายไปทางประตู..

พอเรียกสติคืนมาได้ ผมรีบลุกวิ่งออกจากห้องทันทีเลยครับ ตอนนั้นตี 5 ได้ ผมลงมานั่งอยู่ที่ล็อบบี้คุยกับแฟน เล่าให้แฟนฟัง ปรากฏว่าแฟนบอกผมว่า เมื่อกี้เค้าได้ยินเสียงคนคุยกันหลายคน นึกว่าตัวเองเปิดทีวีดูหนัง.. จับใจความได้ประมาณว่า มานอนตรงนี้ทำไม!?’ ผมได้ฟังนี่ขนลุกเลยครับ เพราะผมไม่ได้เปิดทีวี! ผมรอจนถึงประมาณ 8 โมงเช้า ค่อยขึ้นไปเก็บของ และบอกเขาว่า ไม่ต้องตามนะ เดี๋ยวทำบุญไปให้..แล้วรีบวิ่งเลยครับ

 

Story by คุณเค

ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/





2.

เรื่อง คุณลุงเสื้อดำ
เหตุการณ์ที่จะเล่านี้เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราเป็นคนใต้ อยู่ในตัวเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี พอเลิกเรียนก็จะทำงานเป็นมาร์คกี้ที่โต๊ะสนุ๊กแห่งหนึ่งในเมือง เราได้เจอผู้คนมากมายทุกวัน แต่จะมีอยู่คนหนึ่งที่เราจะเจอทุกเย็นเลย เป็นผู้ชายมีอายุสักหน่อย ราวๆ 50 กว่า แกจะชอบใส่เสื้อสีดำ ดูเป็นคนมีฐานะ รักสนุกชอบเที่ยว เราขอเรียกแกว่า ลุงเสื้อดำแล้วกันค่ะ ปกติเราก็จะทักทายแกทุกวัน แต่มาช่วงหลังๆ เราก็สังเกตว่าลุงแกหายไป ไม่มาแทงสนุ๊กเลย แต่เราก็ลืมๆ ไปไม่ได้สนใจอะไร
คืนหนึ่ง หลังเลิกงาน เพื่อนๆ ชวนเราไปเที่ยวผับต่อ เราก็ตกลงโอเค ไปกัน 3 คน มีแป้ง ฝน และก็เราค่ะ สนุกกันจนดึกได้เวลากลับ แต่พวกเราเมามากจนต้องโทรบอกให้แฟนมารับไปส่งที่ห้อง แต่พอไปถึงห้องก็ดันเข้าห้องไม่ได้เพราะลืมกุญแจห้องไว้ที่ผับ แฟนก็กลับไปแล้ว เลยตัดสินไปเปิดโรงแรมม่านรูดที่อยู่ใกล้ๆ นอนกันทั้ง 3 คน ไปถึงก็มีคนมาเปิดห้องให้ ได้ห้องสุดท้ายเลย ติดกับป่ารกๆ หน่อย แวบแรกที่เข้าห้องไปคือมันเก่าๆ มืดๆ สลัวๆ ดูวังเวงยังไงก็ไม่รู้ แต่ด้วยความที่สติไม่ค่อยจะมี คือมันเมาแบบจะหลับให้ได้ ก็ล้มตัวนอนบนเตียงใหญ่กลางห้องกันทุกคน พอหัวถึงหมอนก็หลับกันหมด
เรามารู้สึกตัวอีกทีตอนเกือบจะตี 5 เพราะปวดฉี่ ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ พอเสร็จตอนจะเดินออกจากห้องน้ำ เรามีความรู้สึกเหมือนมีคนยืนอยู่ตรงมุมอ่างอาบน้ำเลยหันไปดู แต่ก็ไม่มีอะไร.. พอหันหลังกลับจะออกจากห้องน้ำ ความรู้สึกมันระแวง วูบๆ เย็นๆ ยังไงบอกไม่ถูก เลยเหลือบตาดูด้วยหางตาอีกที ปรากฏว่ามีคนยืนอยู่จริงๆ อื้อหือ! ตอนนั้นนี่ขนลุกซู่เลย แต่ไม่กล้าหันไปมองต้องทำเป็นเฉย แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป กระโดดขึ้นเตียงกระแทกเพื่อนอย่างแรง แต่เพื่อนก็ไม่ตื่น เรานี่งงมากๆ ต้องรีบเอาผ้าห่มคลุมหัวอย่างไว คิดในใจว่า กูโดนแล้วแน่ๆ จะคนหรือจะผี ถ้ามาอยู่ในห้องตอนนี้ก็น่ากลัวทั้งนั้น!แล้วอยู่ๆ สักพักไฟก็ดับค่ะ แอร์ดับ ไฟในห้องน้ำที่เปิดไว้ก็ดับ ห้องก็ทึบ มีหน้าต่างแต่เปิดไม่ได้เลย มีเพียงแสงจากข้างนอกที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาได้เล็กน้อย เหงื่อเรานี่ท่วมตัว จนต้องเปิดผ้าห่มออก แล้วสิ่งแรกที่เห็นเลยคือมีคนยืนอยู่ปลายเตียง! เห็นเป็นเงาดำเพราะเขายืนอยู่ตรงกับหน้าต่างพอดี พอตาเราเริ่มปรับสภาพในความมืดได้ มันก็เริ่มมองเห็นชัดขึ้นๆ ว่าเขาเป็นผู้ชายใส่เสื้อสีดำ กำลังยื่นมือมาพร้อมแบงค์ 100 แล้วพูดว่า นี่ทิปนะ..คำพูดนี้ยังก้องอยู่ในหู จนจำได้ขึ้นใจเลย เราขยี้ตาขยี้หู แล้วนึกได้ว่ามันคือน้ำเสียงของลุงเสื้อดำคนนั้น เราจำได้ดี!
เราพยายามเอามือกะชากเพื่อนๆ ให้ตื่นก็ไม่มีใครตื่น เลยยกมือขึ้นพนมจะสวดมนต์ แต่ลุงเสื้อดำคนนั้นแกกลับทำตาโต เหมือนตาจะทะลักออกจากเบ้า ลิ้นก็ค่อยๆ จุกปาก และมีเลือดไหลออกมา ตอนนั้นสติเรานี่หลุดเลย ร้อง กรี๊ดสิคะ ร้องดังมากๆ จนเพื่อนตื่นขึ้นมาพยายามเขย่าตัวเรา แต่ตอนนั้นมันเหมือนหูอื้อ ในหูมันดังเหมือนเสียงนกหวีดยาวๆ จนเพื่อนเราต้องลากเราออกมานอกห้อง ตะวันขึ้นพอดี เพื่อนก็โทรให้แฟนมารับที่โรงแรมม่านรูดนั้น ตอนที่รอแฟนมา เรานี่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดเลย จนยามที่นั่นเขาเดินออกมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น? เราเลยถามว่า ห้องนั้นมีผีหรือเปล่า?’ พร้อมกับชี้ไปที่ห้องนั้น เลยได้ความว่า ลุงเสื้อดำคนที่เราเจอทุกวันที่โต๊ะสนุ๊ก แกถูกแทงตายในห้องน้ำที่ม่านรูดห้องนั้นเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง เป็นคดีจ้างฆ่า.. เรานี่หัวใจแทบหยุดเต้นเลย พอรู้ว่าสิ่งที่เห็นมันเป็นเรื่องจริง เล่นเอาหลาบไปอีกนานเลยค่ะ..
Story by คุณน้อยหน่า
ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/
..............................................................
..............................................................
3.
เรื่อง เวลาที่เหลืออยู่
ย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เราเป็นคุณแม่ลูก 1 แล้วนะคะ ช่วงนั้นเรามีโอกาสได้ไปเที่ยวเกาะสมุยกับเพื่อน ได้พักอยู่ริมหาดเลย ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืนแล้ว แต่เราก็ยังออกไปเล่นทะเลกับเพื่อนๆ เดินเลาะไปตามโขดหินริมหาดเรื่อยๆ และก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน คือเราลื่นล้ม พลัดตกไปในทะเลซึ่งตรงนั้นน้ำลึกด้วย และเราว่ายน้ำไม่เป็นไง ก็คือจมน้ำไปเลย สิ่งที่จำได้สุดท้ายคือ มืดสนิทไม่เห็นอะไรเลย แต่สุดท้ายที่รู้ก็คือ มีเพื่อนคนนึงช่วยเราขึ้นมาได้แบบทุลักทุเลมากๆ
เราหมดสติไปเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในห้องนอนแล้ว โดยเพื่อนเล่าว่า หน่วยกู้ภัยของเกาะมาช่วยปฐมพยาบาลไว้ได้ทัน ถ้าช้ากว่านี้อาจจะน้ำท่วมปอดหายใจไม่ออกได้.. แต่เรื่องมันเกิดหลังจากนี้ค่ะ.. คืนนั้นหลังจากเกิดเรื่อง เราก็นอนหลับอยู่กับเพื่อน ในขณะที่กึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น เราฝันว่ามีชายรูปร่างใหญ่ ผิวดำมากๆ ไม่ใส่เสื้อ แต่นุ่งเหมือนโจงกระเบนสีแดง มีผ้าคาดหัวสีแดง เดินมากัน 2 คน และในมือของทั้ง 2 คนนั้น มีอาวุธที่เราขอเรียกว่าไม้ง่าม ขนาดค่อนข้างยาวมากๆ
 
ชาย 1 ในนั้นได้เข้ามาจับข้อมือเรา และฉุดกระชากจนเรารู้สึกเจ็บมาก ในฝันเขาไม่ได้ขยับปากพูดอะไร แต่กลับมีเสียงพูดออกมา เขาพูดกับเราด้วยเสียงที่ดุดัน และสายตาที่จ้องเราเขม็ง บอกว่า ไปได้แล้ว หมดเวลาแล้ว..ในฝันเรากลัวมาก ร้องไห้ไม่ยอมไป และยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่อย่างนั้น บอกแค่ว่า หนูไม่ไป!เขาได้แต่พูดว่า หมดเวลาแล้ว..ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น
เราก็ได้แต่ร้องไห้อ้อนวอนว่า หนูยังไปไม่ได้ ถ้าหนูไป แม่กับลูกของหนูจะอยู่ยังไง? ขอเวลาให้หนูหน่อย ขอให้หนูได้สร้างทุกอย่างไว้ให้แม่ก่อน ทุกวันนี้แม่กับลูกยังไม่มีบ้านอยู่เลย ลูกก้อยังเล็ก..ชายทั้ง 2 ฟังแล้ว แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือที่จับข้อมือเราไว้ เราต่อรองกับเขา ว่าขอเวลาอีก 20 ปี แล้วค่อยมารับเรา ขอให้เราสร้างบ้านให้แม่อยู่ และให้ลูกเราโตก่อน..
ชายทั้ง 2 คนเงยหน้าขึ้นมองฟ้า และพยักหน้าอยู่ 2-3 ครั้ง แล้วจึงปล่อยมือเรา พอเค้าปล่อยมือจากเรา เราก็หลุดจากอาการคล้ายผีอำ พอเราหลุดได้ก็ลุกขึ้นมานั่งร้องไห้โฮ ตัวสั่นเลย ต้องเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ และสิ่งที่ทำให้เราต้องขนลุก และกลัวมากๆ เลย คือที่ข้อมือเรา เป็นรอยแดงช้ำจากการถูกบีบอย่างแรง มันชัดมากๆ ไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ ตอนนั้นเรารู้เลยว่ามันไม่ใช่แค่ฝันแน่ๆ
หลังจากนั้นทุกวันนี้ถ้าเรามีเวลาว่าง เราจะไปทำบุญ หรือปฏิบัติธรรมอยู่เสมอๆ จากวันนั้นถึงตอนนี้ เวลาได้ผ่านมา 6 ปีแล้ว เวลาที่เราเหลืออยู่ จะมีอีกเพียง 14 ปี เท่านั้นจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ได้.. แต่หากคิดว่าเราจะมีเวลาเหลือเพียง 14 ปี เราจะรู้สึกว่า เวลาของทุกวันที่จะผ่านไปมันมีค่ามากๆ แต่ไม่ว่าจะเหลืออีกกี่ปี ยังไงคนเราก็ต้องถึงวันตายเข้าสักวัน เวลาที่เหลืออยู่ ก็อยู่ที่ว่าเราจะใช้มันทำอะไรเพื่อคนรอบข้างเท่านั้นเอง..
Story by คุณแจง
ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/
......................................................
......................................................

4.

เรื่อง  มอเตอร์ไซค์ที่ตามมา

ทุกๆ ปี ผมจะไปเยี่ยมแม่ ที่เกาะสมุย แม่ผมมีอาชีพค้าขาย อยู่บนเกาะสมุยครับ ผมไปครั้งนึงก็อยู่ประมาณ 3-4 วัน นั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯ ตอนมืด เพื่อที่จะไปถึงท่าเรือเช้าครับ พอผมไปถึงเกาะแล้ว ก็กะว่าจะนอนพักที่บ้านแม่สักพักนึง แต่กลับนอนยาวมาถึงเย็นเลย ผมก็ออกมาช่วยแม่ขายของช่วงเย็นพอดี

พอช่วยแม่ขายของเสร็จ เก็บร้านกันเกือบๆ 5 ทุ่มแล้วครับ.. ผมบอกแม่ว่า จะเข้าไปในเมือง ไปเล่นเกมหน่อย แต่ที่ที่ผมอยู่ มันไกลจากตัวเมืองพอสมควร แม่ผมได้ยินทีแรกก็ห้ามครับ บอกว่าช่วงกลางคืน บนเกาะอันตรายมากอย่าไปเลย แต่ด้วยความที่ผมติดเกม ยังไงก็จะไปให้ได้ สุดท้ายก็ดื้อออกไปจนได้.. ระยะทางจากบ้านผม เข้าเมือง ประมาณ 25 กิโลครับ เพราะผ่านหลายตำบลบนเกาะ ผมยืมรถมอเตอไซค์น้าไป ออกจากบ้านประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง ก็ขี่ไปปกติ มองรอบๆ นี่เป็นป่าหมดเลยครับ ขึ้นเขาลงเขาเป็นช่วงๆ ไฟถนนมีบ้าง ไม่มีบ้าง บ้านคนตามถนนข้างทาง ห่างกันเยอะมาก กว่าจะเจอแต่ละหลังก็หลายกิโลอยู่.. จนมาถึงร้านเกม ได้เล่นสมใจอยาก ยาวไปจนถึงตี 3 เจ้าของร้าน ก็มาบอกว่าจะปิดแล้วนะ ทีแรกผมนึกว่าเปิด 24 ช.ม. เหมือนกรุงเทพฯ ตอนก่อนกลับ มีมาทักผมด้วยนะครับว่า กลับเวลานี้ ก็ระวังด้วยล่ะเค้าคงรู้ว่าผมไม่ใช่คนแถวนี้ ผมก็ไม่ได้คิดอะไร

ขากลับ ผมก็ขี่กลับทางเดิมตามปกติ ดึกๆ นี่อากาศเย็นมากครับ จนมาเข้าเขตที่เป็นป่าเยอะๆ ตอนนี้ทั้งบ้านคน ไฟถนนดับหมดเลยครับ มืดสนิท มีแต่แสงไฟจากรถมอเตอไซค์ผม.. พอมืดแบบนี้ ใจมันก็หวิวๆ ละครับ.. ผมเห็นถนนมันโล่ง ก็อัดเลย 100 กว่าได้.. พอมาถึงช่วงเนินเขา ผมได้ยินเสียงมอเตอไซค์ครับ เป็นเสียงมอเตอไซค์เก่าๆ ที่ท่อดังแตกๆ มาจากด้านหลัง ผมก็รู้สึกโล่ง มีเพื่อนร่วมทาง ทีนี้ไอ้เสียงมอเตอไซค์คันที่ว่า มันดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนจะตามมาใกล้ๆ ผมก็ลองหันหลังกลับไปดู แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ มันไม่มีอะไรตามผมมาเลย แต่ยังคงได้ยินเสียงดังไล่ตามมาติดๆ ใกล้ๆ เลยครับ ตอนนั้นผมบิดหนีสุดชีวิตเลยครับ.. แล้วจู่ๆ เสียงก้อหายไป ผมก็ลดความเร็วลง หัวใจนี้เต้นรัวเลย

ผมขี่ต่อไป แต่ยังไม่พ้นเขตป่า สักพักมีแสงไฟมาจากด้านหลัง เป็นมอเตอไซค์วิ่งมาอย่างเร็วครับ และก็เร่งมาอยู่ข้างๆ.. ผมเหลือบหันไปมอง เจอมอเตอไซค์คันใหญ่ ที่คนขี่ไม่มีหัว.. ผมตกใจมาก และพอหันหน้ากลับมาอีกที ก็เป็นทางโค้งที่มีป้ายบอกทาง ผมเบรคไม่ทัน เท่านั้นล่ะ ชนป้ายบอกทาง คว่ำไปอยู่ข้างทางเลย ตอนนั้นแขนซ้ายผมถลอกหมด แต่ด้วยความที่ผมกลัวมาก รีบพยุงมอเตอไซค์ขึ้น แล้วรีบสตาร์ทเครื่อง บิดหนีเลยครับ ผมนี่สั่นไปหมด.. พอมาถึงบ้าน รีบเรียกแม่ให้เปิดประตูด่วนเลย แม่ผมเปิดประตูมา ก็ตกใจ ทำไมแผลเต็มแขน ผมไม่พูดอะไรรีบขึ้นนอนทันที

หลังจากเรื่องคืนนั้น เพื่อนแม่ที่ขายของในตลาดบอกว่า ถือว่าดวงยังไม่ถึงคาดนะเนี่ย ช่วงตี 3 บนเกาะนี้ ไม่มีใครออกไปตามถนนหรอก เพราะถนนเส้นรอบเกาะนี้ มีนักท่องเที่ยวซิ่งแหกโค้งตายกันไม่รู้เท่าไหร่ และส่วนมากศพก็จะหัวขาดด้วยสิ ไม่รู้ทำไม.. และอีกความเชื่อหนึ่ง ที่ได้ยินมาของเกาะนี้ คือจะมีพวกเล่นไสยเวทย์ ปล่อยของออกมาวิ่งเล่นกันตอนกลางคืนดึกๆ.. ผมนี่เข็ดเลยครับ หลังจากนั้น ทุกครั้งที่ไปหาแม่ที่เกาะ ผมก็ไม่ออกไปเล่นเกมดึกๆ อีกเลย

Story by คุณดุ๊กดิ๊ก

 ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/

..........................................................................

...........................................................................
 


ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรื่องผีที่สมุทรปราการ

เรื่องผีที่ร้อยเอ็ด

เรื่องผีที่ลำปาง