เรื่องผีที่เชียงใหม่



1.
เรื่อง …. (ไม่มีชื่อเรื่อง)

           ตอนนั้นอยู่หอที่เชียงใหม่ แถว วค. เป็นหอที่อยู่ตรงทางสามแพร่งพอดีห้องที่เราอยู่อยู่ตรงชั้น 4 เป็นชั้นบนสุดและริมสุด มองลงไปเห็นทางสามแพร่งเลย ห้องติดกันเป็นน้องผู้ชายที่เพิ่งย้ายขึ้นมาจากชั้นสอง เนื่องจากเป็นหอที่สร้างนานประมาณสิบปีนิดๆ ก็เลยมีโทรศัพท์สายตรงในห้องด้วย ก็ใช้โทรศัพท์นี่แหละคุยกัน คือจีบเค้าว่างั้น  ถึงตรงนี้ก็ขอออกตัวไว้ก่อน ใครที่อยู่ในเหตุการณ์โปรดลืมๆ มันไปซะเถอะ ไม่ใช่นิสัยเราเลยนะที่จะม่อ อายว่ะ

           เรื่องมีอยู่ว่า คืนนึงเราก็กลับจากไปเที่ยวร้าน อุ่นเครื่องกับเพื่อนกลับมาก็ตีสองกว่าแล้ว เพื่อนก็มาอยู่รอที่ห้อง รอแฟนมารับไปส่งบ้าน ประมาณเกือบตีสามเราได้สินเสียงเปิดประตูของน้องห้องข้าง แล้วก็ปิด แล้วก็เสียงคนเดิน เราก็แอบเปิดประตูออกไปดู ให้ทันตอนเค้าเลี้ยวลงบันไดพอดีแต่ภาพที่เห็นคือเค้าเดินลงไปกับน้องผู้หญิงคนนึง หน้าตาน่ารัก น้องคนนั้นหันมายิ้มให้เราด้วย แบบขำๆ เราก็แบบ ตายละ แฟนเค้ารึเปล่า สงสัยเล่าให้แฟนฟังหมดละมั้งเรื่องโทรไป ก็แบบเฟลอ่ะ ก็บ่นกับเพื่อนว่า เนี่ย น้องข้างห้องออกไปกับแฟน เซ็งเบย

            คืนต่อมา น้องเค้าก็โทรมาคุย (เอ๊ะ หรือเราโทรไป) ก็คุยกันนั่นโน่นนี่ ทีแรกไม่กล้าถามเรื่องแฟนเท่าไหร่จนแบบ โอเค คุยกันจนขนาดนี้ เข้าเรื่องได้ละมั้ง เลยแอบหยอดๆไปว่า เมื่อคืนออกไปไหนกันเหรอ ออกไปกินข้าวหรือส่งแฟนกลับหอ ทีแรกน้องเค้าก็นึกว่าเล่นมุก ก็แบบ ครับ ไปส่งแฟนเราก็บอก เออ แฟนน่ารักดีนะ บลาๆจนน้องบอก พี่อำผมเล่นใช่มะพอเราเล่าให้เค้าฟัง เค้าก็บอก แป๊บนะพี่แล้วก็โทรเรียกเพื่อนขึ้นมาเลยจ้า

            เพื่อนน้องก็มาถามเราว่า คนที่เห็นใช่ใครในกลุ่มเค้าป่ะ เราเลยบอกรูปพรรณสัณฐานไปว่า เป็นน้องผู้หญิงผิวขาว ผมบ๊อบหน้าม้า ใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้น พอไม่ได้เรื่องก็โทรถามทุกห้องในชั้นนั้นเลย ว่าตอนประมาณเกือบตีสามมีใครออกจากห้องรึเปล่า ก็ไม่มี กลายเป็นเรื่องใหญ่เลยจ้า แต่พี่ดูแลหอแน่นอน นางต้องปฏิเสธไปตามระเบียบว่าหอไม่มีผี

                คือตัวน้องผู้ชาย (ซึ่งบัดนี้คลุมโปง ไม่รู้กลัวผีหรือกลัวเรา) ยืนยันว่าออกไปคนเดียว ไม่มีผู้ติดตาม และเขาออกไปร้านเกมส์ จากนั้นการสืบสวนสอบสวนก็เกิดขึ้น ได้ความว่า  ก่อนหน้าที่น้องเค้าจะย้ายขึ้นมา มีน้องผู้ชายคนหนึ่ง มาอยู่ไม่ถึงเดือนก็ขอย้ายออก เพราะคืนนึงเขามองจากระเบียงออกไปยังทางสามแพร่งหน้าหอ เห็นผู้หญิงชุดขาวคนนึงยืนอยู่ตรงรั้วริมถังขยะ มองขึ้นมา รูปพรรณสัณฐานคล้ายกับที่เราเห็นเลยมั้ง

              ทำให้เรานึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่ไปเที่ยวละแฟนของเพื่อนมาส่งที่หอ มันทำท่ากลัวๆ แล้วบอกว่า อยู่หอนี้เหรอวะ หอผีสิงนะเว้ย เราเลยกลับไปถามแฟนเพื่อน มันบอกว่า ก็ไม่เชิงผีสิงหรอก แต่เคยมีคนที่รู้จักอยู่หอนี้ เป็นผู้หญิง ถูกรถชนตาย แต่ไม่รู้ว่าคนเดียวกันหรือเปล่านะ ส่วนคนที่เราเห็น แบบว่า มันไม่เหมือนผีเลยนะ มูฟเมนท์อะไรก็ไรก็เหมือนคนปกติ ยิ้มให้อีกต่างหาก เลยไม่รู้สึกอะไร ปกติก็ไม่ใช่คนกลัวผี เจอเรื่องแปลกๆ จนชิน ส่วนน้องข้างห้อง พอเกิดเรื่องเขาไม่สามารถนอนคนเดียวได้เลยจ้า ต้องขอลงไปนอนกับเพื่อนที่ชั้นสอง และย้ายลงไปทันทีตอนสิ้นเดือน


ขอบคุณที่มา .... https://pantip.com/topic/32030480 (ความคิดเห็นที่ 80)


..................................................................
..................................................................






2.
เรื่อง …. (ไม่มีชื่อเรื่อง)


     เป็นเรื่องส่วนตัวของผมเองนะครับ ผมเป็นคนเชียงใหม่ตอนนั้น (แค่จะพิมพ์ขนยังลุกเลยครับ) คือตอนนั้นผมกับเพื่อน 3 คนขับรถยนต์จะไปเที่ยว กทม. ตอนไปออกกลางดึก ถึงเช้าก็ไม่มีอะไร เข้าที่พักที่โรงแรม พอสัก 2 ทุ่มพวกผมก็ไปเที่ยวผับแถวๆทองหล่อ ไปกัน 3 คน พนักงานก็เอาแก้วมาให้ 4 ใบ แล้วก็ชงให้ครบทั้ง 4 ใบเลย ตอนแรกก็งงๆ บอกว่ามา 3 แต่เอาแก้วมาให้ 4 ใบแล้วก็ชงให้ด้วย คืนแรกผ่านไปก็ไม่ได้คิดอะไร พอมาถึงวันที่ 2 ตอนนี้ขับรถไปพัทยาแล้วครับ ก็ไปทานอาหารทะเลตามชายหาด พนักงานก็เอาแก้วมาให้ 4 ใบ แล้วก็กำลังจะรินน้ำให้แก้วที่ 4 ผมก็บอกว่า พี่พวกผมมากัน 3 คน !! พนักงานก็มองหน้าผม แล้วก็ยังรินให้ครบทั้ง 4 แก้วอยู่ ผมก็เล่นน้ำทะเลอะไรไปกับเพื่อน พอถึงตอนจะเปลี่ยนชุดผมก็เปิดในกระเป๋าผม ผมเจอเหรียญปากผี!! ของตาผมที่เสียไปครับ ทุกทีผมไป ตจว.ก็จะเอาเหรียญปากผีของตาไปด้วย ถือว่าให้ตาช่วยคุ้มครองครับ คือ... ผมไม่ได้คิดเลยว่า เหรียญมันจะติดกระเป๋ามา เพราะว่าผมจำได้ว่า ตอนนั้นผมเก็บเอาไว้ที่บ้านในตู้อย่างดี ผมก็งงๆ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้บอกเพื่อนนะครับ ผมบอกเพื่อนอีกทีตอนที่ถึงโรงแรมแล้ว พากันนอนไม่หลับเลยครับ แต่ผมก็เฉยๆเพราะรู้ว่า ถ้าตามาก็มาดีครับ


ตอนขากลับเชียงใหม่ พวกผมดูเด็กเสริฟเลยครับว่า มันจะเอาแก้วมาให้กี่ใบ ..... ตั้งแต่ขากลับ ก็เอามาให้ 3 ใบตลอด


สรุปคือ พอผมรู้ละว่าเอาเหรียญติดมาด้วย ไปแวะกินข้าวที่ไหน ก็จะเอาแก้วมาให้ 3 ใบ ตลอดทุกร้านเลยครับ  


 


ขอบคุณที่มา .... https://pantip.com/topic/32030480 (ความคิดเห็นที่ 85)


......................................................................
......................................................................





3.

เรื่อง เจ้ากรรมนายเวรที่ตามทัน

ได้ติดตามอ่านเรื่องของคนอื่นมาตลอด เลยอยากจะมาเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังบ้าง เราเป็นคนเชียงใหม่นะคะเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนเราอยู่ ม.4 ตอนนั้นเราอายุ 15 ค่ะ เคยได้ยินมาว่า มันเป็นช่วงอายุที่จะเจอเรื่องแปลกๆ คล้ายกับตอนอายุ 25 (เบญจเพส) แต่อาจจะเบากว่ามั้งนะ ไม่แน่ใจ.. ที่จำได้คือ พออายุย่างเข้า 15 เรามักจะโดนเหมือนกับผีอำแทบทุกคืนเลย ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ พอวันเวลาผ่านไป เหมือนมันจะยิ่งหนักขึ้นๆ เรื่อยๆ แต่เราก็ไม่ได้คิดจะไปบอกพ่อแม่ว่าเรากำลังเป็นแบบนี้อยู่ เพราะช่วงนั้นพ่อกับแม่ค่อนข้างยุ่งๆ เรื่องงานด้วยแหละ

แต่แล้ววันหนึ่งมันก็มาถึงจุดที่หนักเอามากๆ ค่ะ วันนั้นเวลาประมาณตี 5 หรือ 6 โมงเช้านี่ล่ะ ฟ้ายังไม่สว่างดี เรานอนหลับอยู่ในห้องตามปกติ วันนั้นเป็นวันที่แม่เราเดินเข้ามาในห้องเพื่อหาของอะไรสักอย่าง แม่ก็เปิดไฟหาของ ทำเสียงดัง เลยทำให้เราตื่น เราก็มองไปที่แม่ คือตอนนั้นเรานอนตะแคงอยู่ขอบเตียง หันหลังให้กำแพง หน้าเราจะอยู่ที่ขอบเตียงพอดี.. ระหว่างที่กำลังมองแม่เราก้มๆ เงยๆ หาของอยู่นั้น เราก็ถูกผีอำเฉยเลยค่ะ ตอนนั้นคือคิดในใจว่าแบบ เห้ย! เอายังงี้เลยเหรอ นี่ขนาดแม่อยู่นะเนี่ย!?’ เราเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีละ จะสวดมนต์บทอะไรก็คิดไม่ทัน ก็โดนอำไปอยู่พักนึง แต่คราวนี้ค่ะ อยู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่เสื้อยืดสีขาว ดูเหมือนเด็กทั่วไป มานั่งเอามือเกาะขอบเตียงด้านที่เรานอน คือตาประสานตากับเราเลย ใกล้มากจนแทบจะจูบกันได้อยู่แล้ว เราพอจำหน้าได้ลางๆ นะ แต่อธิบายไม่ถูก มันเลือนลางยังไงก็ไม่รู้ ตอนนั้นเราแบบอึ้งมาก ขยับตัวก็ไม่ได้

แต่ประเด็นคือมันไม่ได้แค่จ้องตาเราแค่นั้นน่ะสิ เพราะเด็กคนนั้นตะโกนใส่หน้าเราด้วย ตะโกนว่า กูเกลียดมึง! กูเกลียดมึง! กูเกลียดมึง! ..ทุกคนเกลียดมึง!ตอนนั้นเรากลัวมาก เหมือนต่อมความกลัวแตกเลยค่ะ เราพยายามขยับสุดแรงเท่าที่จะทำได้ จนสักพักเราก็สามารถสะบัดตัวให้กลับมานอนตรงได้ แต่กลับกลายเป็นว่าช็อคกว่าเดิม! เพราะที่ปลายเท้าเรามีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ ทั้งเด็ก คนแก่ วัยรุ่น วัยกลางคน ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ที่กำลังจ้องมองมาที่เราด้วยสายตาโกรธเกลียดมากๆ แล้วเสียงเด็กผู้หญิงคนเดิมก็ตะโกนข้างหูเราซ้ำอีกว่า ทุกคนเกลียดมึง!ตอนนั้นเราทำอะไรไม่ถูก พยายามจะเรียกแม่ เพราะตอนนั้นแม่เราก็ยังหาของอยู่ในห้องเราอยู่เลย เราพยายามมองที่แม่แล้วอ้อนวอนในใจให้แม่ช่วยด้วย แต่ก็ไม่เป็นผล.. จนนาทีที่แม่ปิดไฟห้อง และกำลังจะก้าวออกจากห้องไป ตอนนั้นเราหลุดจากการโดนผีอำพอดี เราตะโกนเรียกแม่สุดเสียงเลย จนแม่ตกใจ และเราก็ตัดสินใจเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราทั้งหมดให้แม่ฟัง เพราะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว..        วันนั้นแม่เลยรีบพาเราไปหาพระที่วัด พระท่านก็บอกว่า พวกเขาเป็นเจ้ากรรมนายเวร ตอนนี้เขาตามทันแล้ว เขาจะมาเอาคืน ถ้ามาช้ากว่านี้เขาอาจจะเอาชีวิตไปแล้ว..พระท่านยังบอกอีกว่า พวกเขาไม่เอาส่วนกุศลที่เราทำให้ ไม่เอาส่วนกุศลของแม่ที่ทำให้ด้วยเช่นกัน จะเอาชีวิตของเราอย่างเดียวเลย.. จากนั้นพระท่านก็ทำพิธีอะไรสักอย่างให้เรา และบอกกับแม่เราว่า ให้เราหมั่นทำบุญให้พวกเขาทุกๆ วัน ยังไงพวกเขาก็ต้องรับไปสักวัน อีกทั้งให้เราสวดมนต์ก่อนนอนทุกๆ คืนเป็นประจำห้ามขาด

 

พอหลังจากวันนั้นมา เราก็ทำบุญสวดมนต์ไม่ขาด แต่ก็ยังโดนผีอำอยู่เรื่อยๆ และถึงแม้ว่าเราจะใส่สร้อยพระนอนก็แล้ว แต่เวลาตื่นขึ้นมาทีไร เรากลับเห็นสร้อยพระวางอยู่ที่หัวเตียงเสมอ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก หรืออาจจะเป็นเรานี่แหละที่เป็นคนเอาสร้อยพระออกจากคอเอง แต่ทำไมเราถึงไม่รู้ตัวล่ะ? เราเลยต้องเปลี่ยนมาเหน็บไว้ที่เสื้อชั้นในแทน แต่ถึงยังไงก็โดนผีอำอยู่ดี.. เรามีคำถามในใจตัวเองเสมอว่า เราเคยไปทำอะไรให้พวกเขาไว้ เขาถึงได้เกลียดเรานัก.. และนี่ก็เป็นประการณ์หลอนๆ ที่เราเจอตอนอายุ 15 ค่ะ ปัจจุบันเราอายุ 21 แล้ว ก็ไม่ได้เจออะไรเหมือนตอนช่วงนั้นอีก แต่ยังแอบๆ หวั่นใจว่าตอนอายุ 25 (เบญจเพส) ที่กำลังใกล้เข้ามานี้ เราจะต้องเจออะไรอีกหรือเปล่า..

Story by คุณเมเปิ้ล

ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/

......................................................................
......................................................................


4.


เรื่อง เส้นทางสายใหม่


เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณไบค์ครับ คุณไบค์เล่าว่า.. ผมเป็นเด็กมัธยมปลายครับ ตอนนี้อายุก็จะ 17 ปีเเล้ว เคยดูรายการผีมาก็มาก เเต่ก็ไม่เคยเชื่อครับ จะว่าลบหลู่เลยก็ได้ เวลาเพื่อนบอกว่าเคยเจอผี หรือปู่ย่าที่เชียงใหม่เล่าเรื่องผีให้ฟังผมก็จะไม่ค่อยสนใจครับ จนมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับผม เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเชื่อเลยว่า..ผีมีจริง!
วันหนึ่งผมกลับบ้านที่เชียงใหม่ครับ ส่วนมากวัยรุ่นที่นั่นก็จะชอบขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว ผมก็เช่นกัน วันนั้นผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปเที่ยว แต่ระหว่างทางฝนดันตกครับ ด้วยความที่กลัวว่าตัวจะเปียกฝน เดี๋ยวเเม่จะด่าเอา เลยหาที่จอดพักรถก่อน ก็ไปเจอศาลาเล็กๆ ข้างทาง จอดไปได้สักพักนึง มองรอบๆ ไปเจอเส้นทางตัดใหม่ ซึ่งผมก็เกิดความสงสัย เพราะจำได้ว่าเส้นทางตรงนี้น่าจะก่อสร้างเสร็จนานแล้ว แต่กลับยังมีป้ายกั้นเขียนว่า ขออภัย..ทางยังไม่สะดวกให้ใช้งานผมก็งงๆ แต่คิดว่าเขาคงลืมเอาป้ายออกครับ.. รอไปสักพักจนฝนเริ่มซา ตอนนั้นเวลาก็ปาเข้าไป 6 โมงเย็นเเล้ว บรรยากาศโพล้เพล้ เริ่มมืด เพราะเป็นหน้าหนาว ผมจึงตัดสินใจเอาวะ ไปทางตัดใหม่นี่ล่ะ แล้วผมก็ค่อยๆ ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านป้ายกั้นไป เส้นนี้เปลี่ยวโล่ง เพราะไม่มีใครเข้ามาเลยนอกจากผมคันเดียว..
วิ่งไปสักพัก ฟ้าก็เริ่มมืดจนผมต้องเปิดไฟหน้ารถครับ จังหวะที่เปิดไฟ ไฟก็ส่องไปทำให้ผมเห็นคนครับ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงผอม ไว้ผมยาวเเบบนักร้องวงร็อค กำลังเดินกะเผลกๆ อยู่ข้างทาง ผมเลยกะว่าจะไปทัก ถ้าบ้านพี่เขาเป็นทางผ่านก็จะได้อาสาไปส่ง ผมขี่เข้าไปใกล้ๆ เขาเเล้วบีบแตรพร้อมเปิดไฟสูงให้เขารู้ตัว เขาก็หันมาครับ เเต่! สิ่งที่ทำให้ผมช็อคสุดขีดคือ เขาหันมาเเต่หัว! ตัวยังคงเดินหน้ากะเผลกๆ ต่อ! เขามองจ้องผมอยู่ครู่หนึ่ง ผมรู้ตัวทันทีครับว่า โดนผีหลอกแล้ว! คือมันเสียววาบไปทั้งหลังเลย ตอนนั้นผมรีบบิดเเซงเขาไปอย่างไว จนผมคิดว่าน่าจะพ้นเเล้ว เเต่ไม่ครับ.. ภาพที่เห็นในกระจกมองหลังคือ เขาวิ่งตามมาอย่างไว! ทั้งที่ผมบิดไปมากกว่า 100 แน่ๆ ผมเลยต้องบิดต่อ จนเขาหายไป.. นี่ถ้าถนนมันไม่ใหม่ ไม่เรียบ ผมก็ไม่รู้ว่าจะรอดกลับไปถึงบ้านไหม
ผมตกใจมากใจเต้นรัว เหงื่อแตกเต็มตัวไปหมด กระหายน้ำ และเหนื่อยล้าสุดๆ อย่างบอกไม่ถูกครับ ..พอกลับถึงบ้าน พ่อกับแม่ผมรีบเข้ามาหา สีหน้าหงุดหงิดปนกังวลใจ พร้อมกับพูดเสียงดังว่า กูตามหามึงตั้งนาน ทำไมกลับดึกขนาดนี้ หายหัวไปไหนมา!?’ ผมมองนาฬิกาซึ่งมันเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว! ผมก็ตกใจสิครับ เพราะจำได้ว่าออกจากบ้านไปตอน 4 โมงกว่าๆ ไปที่นั่นที่นี่เเล้วฝนตก ก็รอฝนหยุดตก จนกลับมาถึงนี่ก็ไม่น่าเกิน 3-4 ชั่วโมงแน่นอน แล้วทำไมผมถึงกลับมาถึงบ้านเอาป่านนี้ได้ล่ะ? จังหวะที่คุยกันอยู่ ปู่ผมเเกก็เดินมาเเล้วพูดว่า มึงไปทางเปลี่ยวมาใช่ไหม?’ ผมก็งงครับ เลยบอกไปว่า ครับปู่ ผมจอดพักรอฝนหยุดตกที่ศาลา แล้วก็กลับเส้นทาง..ยังไม่ทันที่ผมจะบอกปู่ว่าผมเจอผีหลอก ปู่เเกก็พูดว่า เจอเข้าเเล้วล่ะสิ?’ ผมเงียบไปไม่ได้พูดอะไรต่อ ปู่ผมเลยเล่าว่า เส้นทางตรงนั้นน่ะ ตอนทำพื้นถนนเสร็จใหม่ๆ เคยมีเเก๊งค์วัยรุ่นมาเเข่งมอเตอร์ไซค์กัน เเล้วมีคันหนึ่งเกิดเสียหลักรถพุ่งเข้าข้างทาง ทำให้คอขาดกระเด็น.. ชาวบ้านบอกว่าส่วนมากรถยนต์จะไม่เจออะไร แต่ถ้ามอเตอร์ไซค์เนี่ย เจอกันทั้งนั้น จนตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยมีใครผ่านเส้นนี้กันเท่าไร..ปู่ยังบอกอีกว่า นี่ยังดีนะที่เขาเเค่วิ่งตามรถ บางคนนี่เจอมาซ้อนท้ายตามกลับถึงบ้านเลย หรือบางคนก็ถูกเขาบังตาไม่ให้กลับบ้าน หายไปเป็นหลายวันก็มี..ผมฟังแล้วก็ขนลุกสิครับ โชคดีของผมที่ยังกลับมาถึงบ้านได้.. หลังจากวันนั้น ผมก็ทำบุญไปให้เขาครับ ผมไม่รู้จักชื่อเขา ก็เลยได้เเต่นึกภาพพี่เขา แล้วบอกในใจว่า อุทิศให้พี่คนนั้น..
 
Story by คุณไบค์
ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/
.......................................................
.......................................................


5.

เรื่อง ผีกลับมาทวงบุญ

เราเป็นคนเจอผีบ่อยมากค่ะ กลัวจนเลิกกลัวไปแล้ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีนี้เองค่ะ เรากับแฟนไปเที่ยวเชียงใหม่กันครั้งแรก เป็นช่วงเทศกาล ก็ได้ไปพักโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ไม่ไกลจากถนนนิมมานฯ มากนัก โรงแรมจะค่อนข้างเก่าแล้ว เราได้พักอยู่ชั้น 5 ห้องก็ดูโอเคไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่ก็มีกลิ่นอับๆ นิดหน่อย ด้วยความที่เรานั่งรถออกจากกรุงเทพฯ ตอนค่ำๆ ไปถึงสายๆ เช็คอินแล้วก็เข้าห้องเลยค่ะ กะว่าจะนอนพักก่อนค่อยออกไปเดินเที่ยว..

ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น เราก็รู้สึกเหมือนถูกดึงขา ทีแรกเข้าใจว่าเราขากระตุกไปเอง เลยชักขากลับแล้วนอนต่อ แล้วสักพัก คราวนี้โดนกระชากขาเลยค่ะ แรงขนาดที่ตัวเราสไลด์จนตกหมอน เราสะดุ้งขึ้นมาดูก็เห็นเลย เป็นผู้หญิงผมยาว หน้าขาวปากซีดมากๆ เหมือนไม่มีเลือด แต่เราก็แบบทั้งง่วงทั้งรำคาญ เลยบอกไปว่า อย่ากวน จะนอน เดี๋ยวไปทำบุญให้..แล้วเขาก็หายไป

ทีนี้ด้วยความที่เรามาเที่ยว เราก็เที่ยวสิคะ เลยยังไม่ได้ไปทำบุญ กะว่าเที่ยวเสร็จกลับไปค่อยทำบุญให้.. จนมาถึงคืนที่ 2 ระหว่างที่เรากำลังจะหลับ เราก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังยืนจ้องเราอยู่ที่ปลายเตียง เราเลยลืมตาขึ้นมามอง ใช่เลย! มาอีกแล้วค่ะ มายืนตรงปลายเท้าเรา จ้องหน้าเราตาขวางเลย เราก็เลยถามว่า มีอะไร? จะนอนแล้วเขาก็พูดแบบไม่ขยับปากนะ แต่ได้ยินเสียงในหัวเราว่า ทำไมยังไม่ไปทำบุญ?’ เราตอบไปว่า ก็มาเที่ยว ไว้กลับไปแล้วจะไปทำบุญให้..ทีนี้อยู่ๆ เขาก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เรา แบบหน้าจะชนหน้าเลย ตอนนั้นเรากลัวเลยค่ะ ถึงหลังๆ จะไม่ค่อยกลัวผีแล้ว แต่ก็อดขนลุกไม่ได้ เล่นมาจ้องหน้าอย่างใกล้ชิดขนาดนี้ แล้วเราก็ได้ยินเสียงในหัวอีกว่า วัดในเชียงใหม่ก็มีตั้งหลายวัด ไปทำบุญให้ด้วย ไม่งั้นพรุ่งนี้จะมาอีกในสภาพตอนตาย..

เช้าวันต่อมาเราต้องรีบออกไปหาวัดทำบุญทันทีเลยค่ะ เพราะถ้ามาแบบปกติเราจะไม่กลัว แต่ถ้ามาแบบเละๆ เราก็กลัวเหมือนกันค่ะ.. แล้วหลังจากทำบุญวันนั้น คืนต่อๆ มา เขาก็ไม่มากวนอีกเลย.. แล้วพอเราได้เดินสำรวจห้องดีๆ ก็ไปเจอยันต์ติดอยู่ตรงฝ้าเพดานห้องน้ำด้วย แต่เราก็ไม่ได้ถามพนักงานนะคะ เพราะไม่อยากจะรู้ว่าเขาเป็นใคร? เป็นอะไรตาย? เพราะเดี๋ยวจะหลอนจนต้องขอย้ายห้อง ยิ่งช่วงเทศกาล ห้องมันไม่ค่อยมีว่างแล้วนอกจากห้องนี้ด้วยค่ะ..

Story by คุณพริกเกลือ

ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/

 
...........................................................
...................................................................




6.


เรื่อง ครอบครัวเที่ยวเชียงใหม่

เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณจิ๊บครับ คุณจิ๊บเล่าว่า.. เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงที่ผมเรียนอยู่ ป.5 ครับ เป็นช่วงวันหยุดติดต่อกัน 4-5 วัน ประมาณปลายปี ครอบครัวผมก็วางแผนว่าจะไปเที่ยวเชียงใหม่กัน ไปสัมผัสอากาศหนาวๆ ซึ่งผมก็ตื่นเต้นมากเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ไปเที่ยวภาคเหนือ เราไปกันครอบครัวใหญ่ครับ มีครอบครัวของน้าเขยไปด้วย โดยครอบครัวผมจะเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ด้วยรถไฟสปรินเตอร์ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ..เมื่อมาถึงเชียงใหม่ ครอบครัวผมก็ได้เข้าพักที่โรงแรมใจกลางเมืองเชียงใหม่ก่อน คืนแรกทุกอย่างก็ปกติดี

พอมาช่วงเช้าอีกวันหนึ่ง ทางบ้านน้าเขยก็เดินทางมาถึง เราได้เหมารถตู้รวมตัวกันเป็นครอบครัวใหญ่ เดินทางไปพักกันที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง อยู่อำเภอหางดง พอเข้ามาถึงหน้ารีสอร์ท สัมผัสแรกที่รู้สึก คือดูจะเป็นรีสอร์ทที่มีเอกลักษณ์ของชาวเหนือมากๆ ตั้งแต่ทางเข้าที่ดูเป็นคุ้ม ขับมาเรื่อยๆ เห็นบ้านพักเรียงกันข้างทางเป็นหลังๆ ลักษณะเหมือนบ้านทรงฝรั่ง ซึ่งจะมีปล่องไฟด้วย.. แต่น้าเขยบอกว่า ที่ที่เราพักจะเหมาเป็นบ้านหลังใหญ่กลางรีสอร์ทเลย มีห้องนอนหลายห้อง ซึ่งพอไปถึง มันก็ใหญ่มากจริงๆ แต่ลักษณะจะเป็นบ้านทรงไทยชั้นเดียวยกสูงขนาดใหญ่ ตัวบ้านมีเสาไม้ขนาดใหญ่หลายต้น โดยครอบครัวผมจะได้พักห้องที่อยู่ด้านขวาสุดของบ้าน

หลังจากเก็บข้าวของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของเชียงใหม่กันครับ.. จนกระทั่งช่วงเย็น น้าเขย กับพ่อก็ซื้อของกินกลับมากินกันตอนเย็น ซึ่งกลางบ้านจะมีลานที่ยกขึ้นสูงจากพื้นมาประมาณ 2 คืบ ให้เดาน่าจะเป็นที่เอาไว้ตั้งวงกินข้าวกัน หลังจากกินข้าวกันเสร็จ พวกผู้ใหญ่ก็ตั้งวงกินเหล้ากันต่อ ส่วนเด็กๆ อย่างผมกับน้องๆ (ลูกน้าเขย) ก็จะเล่นซนกันตามประสาเด็ก เล่นๆ ไป ผมก็เกิดปวดฉี่ขึ้นมาสุดๆ แต่ห้องน้ำมีคนเข้าอยู่ ผมเลยต้องลงไปด้านล่างของตัวบ้าน ก็มองเห็นฐานของเสาต้นใหญ่ตั้งอยู่ ผมเดินถัดจากเสาไปนิดหน่อย แล้วก็ไปยืนฉี่อยู่ข้างเสา.. จากนั้นผมก็กลับขึ้นไปนั่งร่วมวงฟังผู้ใหญ่คุยกันในวงเหล้า จนแม่มาเรียกให้เข้านอนครับ.. ผมกับแม่ขึ้นมากันก่อน ก็ปูพื้นนอนกัน โดยปลายเท้าจะชี้ไปที่เสาไม้ต้นหนึ่งในห้อง ส่วนหัวนอนก็จะอยู่ตรงประตูห้องพอดี พอผมล้มตัวลงนอนหัวถึงหมอนปั๊บ รู้สึกตามันวูบลงไวมาก ทั้งๆ ผมก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย แล้วก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองนอนสบายมากๆ เหมือนตัวเบาๆ เย็นๆ ผ่อนคลาย แบบไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยครับ..

แต่หลับไปได้นานเท่าไหร่ก็ไม่แน่ใจ ผมก็มีความรู้สึกว่ามีเสียงคนเรียกผมเบาๆ แล้วมันก็ค่อยๆ ดังขึ้นๆ จนผมตกใจตื่น! ลุกขึ้นมานั่ง ผมมองไปข้างๆ ก็ต้องแปลกใจว่า แม่ผมเป็นคนปลุกผมนั่นเอง และแม่ผมก็ดูหน้าซีดมาก ส่วนพ่อผมก็อยู่ใกล้ๆ กันนี่เอง พอผมแหงนหน้าไปที่ประตูห้อง ก็เห็นพวกน้าๆ มาออกันอยู่ที่หน้าประตูห้องเต็มไปหมด สีหน้าทุกคนดูตกใจกันมาก.. สักพัก พ่อก็บอกทุกคนว่า ไม่มีอะไรแล้วล่ะ.. แยกย้ายกันได้ไปนอนได้แล้วผมก็งงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น? แม่ผมก็ดูท่าทางยังกลัวๆ อยู่ ส่วนพ่อผมก็เอาพระที่ห้อยคอพ่อ มาคล้องคอผมอีกเส้นหนึ่ง ทั้งๆ ที่ผมเองก็ห้อยพระอยู่แล้ว.. ผมก็ทั้งแปลกใจ ทั้งกลัว ได้แต่เลียบๆ เคียงๆ ถามไปว่า เกิดอะไรขึ้นหรอ?’ พ่อแม่ผมก็ยังไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง แต่ตอนนั้นผมรู้สึกกลัวมากๆ ในใจคิดว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ ทั้งคืนนั้นผมนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นตลอดคืนจนถึงเช้าเลยครับ..

 

เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ได้เช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก.. ระหว่างที่นั่งมาในรถตู้เพื่อที่จะไปเที่ยวที่อื่นๆ ต่อ แม่ก็เล่าให้ผมฟังด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า เมื่อคืนตอนจิ๊บหลับไปพร้อมๆ กับแม่ อยู่ๆ จิ๊บก็ลุกพรวดขึ้นมานั่งพร้อมกับเรียกแม่.. ทีแรกแม่ก็งงว่ามีอะไร? ทั้งๆ ที่เพิ่งจะนอนไป แต่ก็ต้องตกใจ เพราะเห็นจิ๊บกำลังชี้ไปที่เสาไม้ตรงปลายเท้า พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ และก้มลงกราบ.. แล้วจิ๊บก็ยังลุกขึ้นรำ โดยที่ดวงตาเหลือกจนขาวสนิทไม่มีตาดำเลย และมือไม้ที่รำก็อ่อนจนปลายนิ้วมาแตะหลังมือได้เลย.. พอหยุดรำ ก็ชี้ไปที่เสาไม้ต้นนั้นอีก พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ และก้มลงกราบอยู่อย่างนั้น.. แม่ตกใจมากจึงได้รีบลุกไปเรียกพ่อ และผู้ใหญ่ในวงเหล้ามา จนพักใหญ่จิ๊บถึงจะรู้สึกตัว..ผมเองซึ่งไม่รู้เรื่อง รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ได้ยินอย่างงั้นก็รู้สึกขนลุกซู่ เสียววาบไปทั้งตัว ใจเนี่ยตกไปถึงตาตุ่มเลยครับ

จากนั้นน้าเขยก็ยังเล่าให้ฟังอีกว่า เมื่อวานที่มาถึงตอนกลางวัน มีแม่บ้านมาทำความสะอาดที่พัก แกกำลังจะเล่าประวัติอะไรสักอย่างของบ้านหลังนี้ อยู่ๆ แกก็หงายหลังล้มไปโดยไม่รู้สาเหตุ พอแกลุกขึ้นมา ก็ทำท่าทางกลัวๆ แล้วรีบเดินไปทำความสะอาดทางอื่นทันที..สำหรับครอบครัวผม มันเป็นวันพักผ่อนที่ลืมไม่ลงเลยล่ะครับ..

Story by คุณจิ๊บ

ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/
.........................................................................................
.........................................................................................
 
7.
เรื่อง  โรงแรมหลอนที่เชียงใหม่ - คุณปราย
                โรงแรมนี้เป็นโรงแรม 5 ดาวที่เชียงใหม่ ปรายไปพักที่ปีใหม่ช่วงปีใหม่ ห้องที่ปรายจะอยู่ต้องรอแขกก่อนหน้าเช็คเอาท์ก่อน เพราะปรายไปเช้าเกินไป แต่มีห้องให้พักก่อน พอเปิดเข้าไป ปรายก็เลื่อนตู้ เลื่อนเตียง ขยับโต๊ะ เพื่อไม่ให้ทับที่ใคร และยกมือไหว้ตามความเชื่อ ห้องที่พัก จะเป็นห้องสองเตียง ปรายพัก 3 คน เพื่อนผู้หญิง 1 คน และเพศที่สามอีกคน เพื่อที่เป็นสาวประเภทสองเปิดประตูหลังห้อง ด้วยความปากไว เค้าก็พูดว่าอัปมงคลจริงๆ พักชั้น 11 ต้องข้ามดาดฟ้าเลยเหรอ แต่ก็ด้วยความไม่คิดอะไร ก็เฉยๆไป ก็พากันออกไปเที่ยว แล้วเมากลับมาประมาณตีสาม เพื่อนปรายที่เป็นสาวประเภท (สมมติว่าชื่อเอ) เอก็เมา เอก็มาไปเปิดหน้าต่างอีก เอก็มองไปเห็นผู้หญิงใส่ชุดโรงพยาบาลนั่งอยู่บนดาดฟ้าตึกฝั่งตรงข้าม ก็เลยโวยวายขึ้นว่าผู้หญิงที่ไหนมานั่งอยู่ตรงนี้ดึกๆดื่นๆวะ เพื่อนทุกคนก็ลุกขึ้นมาดู ปรายก็เริ่มคิดว่าใครจะมานั่งดึกๆ เอเลยพูดว่ ช่างแมร่งมันเถอะไม่ใช่ญาติเรา แล้วก็พากันไปนอนปิดหน้าต่างที่เปนกระจก สักพักได้ยินเสียงคนเอาเล็บกีดกระจก แล้วสักพักได้ยินเสียงหัวเราะ เฮอะๆ เฮอะๆ กีดไปเรื่อยๆ จนทั้งสามคนนอนไม่ได้เลยตัดสินใจพากันไปเปิดประตูหลังห้องออก ปรากฏว่าเจอเป็นผู้หญิงผมยาวๆ เอามือกรีดกระจก หน้าเต็มไปด้วยเลือด ปากและจมูกติดอยู่กับกระจกหน้าต่าง แล้วก็หัวเราะเหอะๆ ทุกคนตกใจนอนไม่ได้แล้วก็วิ่งลงไปที่ฟ้อนต์ แล้วเล่าให้พนักงานฟัง แต่พนักงานหาว่าเมา ทั้งๆ ที่ปรายกับเพื่อนอีกคนไม่ได้กินเหล้า สรุปโรงแรมยอมย้ายห้องให้ แต่ต้องรอพรุ่งนี้ เลยพากันนอนที่ฟ้อนต์ จนได้ห้องใหม่ซึ่งชั้นเดิม ด้วยความไม่มีทางเลือกก็ต้องยอม พอนอนอีก ก็ได้ยินเสียงกรีดกระจกอีก ก็ลุกขึ้นไปดูอีก แต่คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นพูดเสียงเบาๆ ว่า กูจะฆ่า กูจะฆ่า สักพักเพื่อนผู้หญิงของปรายก็กรีดขึ้นมา แล้วไฟก็ดับทุกคนวิ่งลงไปที่ฟ้อนต์ เพื่อนบอกว่าที่กรี๊เพราะเหมือนมีคนมาหยิกแขน แล้วปรากฏว่าที่แขนของเพื่อนมีรอยหยิกจริงๆ จนไม่ไหวก็พากันไปเก็บของรอกลับ สักพักมีป้าแม่บ้านมาเล่าให้ฟังว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นห้าปีมาแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกพนักงานใหม่ๆ มีผู้หญิงท้องประมาณ 4 เดือนมาจากกรุงเทพไปพักกับแฟนที่ห้องที่ปรายอยู่ มาอยู่ประมาณสองอาทิตย์ แต่ปรากฏว่าผู้ชายไปติดผู้หญิง จนภรรยาน้อยใจ กรีดข้อมือตัวเอง แต่ยังไม่ตายก็ไปอยู่โรงพยาบาล พอแฟนเค้ารู้ก็ไปเยี่ยม แล้วก็กลับมาด้วยความที่แฟนเข้าโรงพยาบาล ผู้ชายก็เลยพาผู้หญิงเข้าห้อง แต่ภรรยาที่อยู่โรงพยาบาลรู้ เลยโทรเข้าเบอร์ผู้ชาย แล้วบอกให้มองไปที่หน้าต่าง ปรากฏว่าที่ดาดฟ้าโรงพยาบาลอยู่ฝั่งตรงข้าม เห็นภรรยายืนโบกมืออยู่ แล้วกระโดดลงมาพร้อมเสียงกรี๊ด เสียชีวิตต่อหน้าต่อตา  
ขอบคุณที่มา https://pantip.com/topic/35092208/story
..........................................................................
...........................................................................
8.
เรื่อง  ต่อเวลาหลอน - คุณนิว
                เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ทุกปลายปีโรงงานจะพาพนักงานไปเที่ยวประมาณ 20 คน โดยไปพักโรงแรมแห่งหนึ้งที่ใกล้กับ ม.เชียงใหม่ ก็จัดห้องให้นอนกันตามความเหมาะสม โดยนิวได้พักชั้นสาม สองคืนแรกก็ผ่านไปปกติ เที่ยวมาก็กลับดึกตีหนึ่งตีสองก็มีพนักงานอยู่ดูแล พอคืนสุดท้ายนิวต้องย้ายห้องไปอยุ่ชั้นสี่ เหลือสองห้องคือ 411 กับ 414 ตอนนั้นพนักงานก็กลับกันหมดแล้ว เหลือแค่นิวกับพี่ผู้หญิงอีกคน และพี่ผู้ชายอีกคน โดยนิวกับพี่ผู้หญิงอยู่ห้อง 414 หลังจากไปเที่ยวมา ก็อาบน้ำจะนอน แต่นิวสังเกตุว่าห้องน้ำนี้น้ำขัง จนผ้าปูพื้นมันเปียก แล้วนิวก็นอนเตียงที่ติดกับห้องน้ำ มันเป็นห้องเตียงคู่ นิวก็พยายามขยับตัวให้ไปนอนกลางๆเตียง แต่ก็รู้สึกอึดอัด จนต้องไปนอนขอบๆ เตียง สักพักนิวก็พลิกตัวหันไปทางเตียงพี่ผู้หญิง นิวรู้สึกเย็นหลังวาบ นิวก็คิดว่ามีลมอยู่ในผ้าห่ม แล้วนิวก็ขยับตัวใหม่แล้วจะดึงผ้าห่มมาห่มตัวแต่ดึงยังไงก็ดึงไม่ขึ้นเหมือนมีคนดึงไว้ นิวเลยคิดว่าลงไปเล่นข้างล่างกับพนักงานดีกว่า แต่ห้องต้องใช้คีย์การ์ด ซึ่งถ้าถอดออกก็ต้องไฟดับ แอร์ดับ นิวก็คิดว่าไม่เป็นไร ไปแป๊บเดียวพี่ผู้หญิงคงไม่ว่า ก็ตัดสินใจดึงคีย์การ์ดออกไปเลย แต่พอลงไปข้างล่างก็ไม่มีคนอยู่เลย ไฟปิดมืด นิวก็แปลกใจเพราะเพิ่งเที่ยงคืน ปกติกลับมาตีหนึ่งก็ยังมีพนักงาน นิวก็เดินไปห้องน้ำ เรียกว่ามีใครอยู่มั้ย นิวคิดว่าบรรยากาศมันน่ากลัว เลยตัดสินใจขึ้นห้อง แล้วเปิดคีย์การ์ดไป ห้องก็มืดมาก เพราะยังไม่ได้เสียบคีย์การ์ด  แล้วจังหวะหันหลังก็ไปเสียบคีย์การ์ด ได้ยินเสียงถามว่า ทำอะไรนิว แบบไม่มีจังหวะ นิวจึงตกใจคิดว่าพี่ผู้หญิงตื่นเลยเหรอ นิวเลยตอบไปว่า พี่คะขอโทษนะคะนิวลงไปข้างล่างแป๊บเดียว แต่พอหันไปดูพี่ผู้หญิงที่เตียงปรากฏว่าพี่ผู้หญิงนอนกรนอยู่แล้วมือพนมอยู่ที่หน้าอก นิวก็ไม่กล้าปลุก นิวก็ทำใจดีสู้เสือ สวดมนต์และแผ่เมตตา ตลอดเวลาที่สวดก็เหมือนมีลมมาพัดที่หลังตลอดเวลา พอสวดมนต์เสร็จนิวจะล้มตัวลงนอน หางตาก็มองไปที่พี่ผู้หญิง พี่ผู้หญิงก็ยังนอนหงายพนมมืออยู่เหมือนถูกมัดตราสังข์ แล้วมีเงาผู้หญิง เป็นเงาดำๆ นั่งทับอยู่บนตัวพี่ผู้หญิงคนนั้น แล้วมองไปที่พี่ผู้หญิง  นิวตัดสินใจ What app ไปหาเพื่อนว่าทำไงดีผีหลอก เพื่อนก็เลยบอกว่าซื้อที่สิ นิวเลยลุกไปเอาเหรียญห้ามาอธิฐานว่าขอนอนเถอะ ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน จังหวะที่นิวเอาเหรียญวาง ปรากฏว่ามีรอยเหรียญที่วางประมาณ 3-4 รอบ พอนิวล้มตัวลงนอนก็ปรากฏว่าไม่สามารถนอนตรงกลางได้ อึดอัดเหมือนมีคนมานอนด้วย พอนิวหลับตา ก็ได้กลิ่นธูปผสมกลิ่นไหม้ลอยมาเตะจมูกเบาๆ นิวเลยรู้สึกว่านอนข้างกับอะไร เลยคิดว่าเค้าคงไม่อยากให้เรานอนด้วยเลยตัดสินใจลงไปนอนข้างล่าง ก็ยังได้กลิ่นอยู่  จึงไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจโทรไปหาพี่ผู้ชายที่ห้อง 411 ขอไปนอนด้วย แล้วไปเล่าให้พี่ผู้ชายฟัง จังหวะที่เค้าฟังก็มีเสียงเท้าคนเดินห้องข้างๆ เข้าห้องน้ำกดชักโครก ก็คิดว่าพี่ผู้หญิงคนนั้นตื่นแล้ว แต่พอเช้ามาปรากฏว่าพี่ผู้หญิงบอกว่าไม่เจออะไร  
ขอบคุณที่มา https://pantip.com/topic/35092208/story
..........................................................................
...........................................................................
9.

เรื่อง  ทางขึ้นดอย - คุณซีซ่าส์

 คุณซีซ่าเป็นคนลำปาง ซึ่งในช่วงวัยรุ่นนั้นก็ชอบที่ชวนเพื่อนๆ ขี่มอเตอร์ไซด์ไปเที่ยวเชียงใหม่ เพราอยู่ไม่ไกล และเมื่อตอนจะจบม.หก ก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวเชียงใหม่อีกครั้ง โดยไปกับเพื่อนๆ 5-6 คน ดดยขับมอไซด์และมีรถกระบะไปอีกหนึ่งคัน ก็ขับรถขึ้นดอยไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่รถจะขึ้นไปต่อไม่ได้ ต้องเดินขึ้นไป จึงหยุดคุยกับเพื่อนว่าจะยังไงกัน เพื่อนก็เลยพูดขึ้นว่า เราจะจบม.หก แล้วก็กินเหล้าได้สิ ด้วยความคึกคะนอง จึงพากันตกลงที่จะกินเหล้า และซีซ่าก็อาสาไปซื้อเหล้า ที่ต้องขับมอไซด์ลงจากดอยไป ตอนนั้นก้เป็นเวลาประมาณ 2-3 ทุ่มแล้ว และซีซ่าก้พาเพื่อไปด้วยคนนึงเพื่อถือของก็คือบัว เมื่อซื้อของเสร็จแล้วก็พากันขับมอไซดืกลับขึ้นดอยไปหาเพื่อนๆ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีวาทางขึ้นดอยก็มีทางโค้งเป็นสิบๆ เพื่อไต่ขึ้นดอย บัวซ้อนท้าย มือซ้ายถือของ ส่วนมือขวาก็จับที่ไหล่ขวาของซีซ่า พอใกล้จะถึงโค้งๆหนึ่ง ซีซ่าเห็นผู้หญิงยืนโบกรถอยู่ ซึ่งมองแล้วเป็นคนสวยมาก ด้วยความเป็นวัยหนุ่มเห็นสาวมาโบกรถก็สนใจ คิดจะเหล่สาว เลยขับเข้าไปใกล้ๆ แต่พอไปใกล้ๆ จึงได้รู้ว่าหญิงสาวคนนั้นท้องอยู่ ก็เลยหมดอารมณ์ที่จะเกี้ยวพาราสี แต่ถ้าจะขับรถเลยผ่านไปเฉยๆก็จะดูไร้มารยาท จึงได้ขับรถไปใกล้ๆ แล้วถามว่าจะไปไหน หญิงสาวคนนั้นก็อ้อนวอนขอขึ้นดอยไปด้วย แต่ด้วยความที่ซีซ่าผิดหวังว่าไม่สาววัยรุ่นแต่เป็นคนท้อง บวกกับกลัวอันตรายหากพาซ้อนท้ายไปอีกคน จึงได้พูดว่า ไปไม่ได้หรอก ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ถ้าเกิดอุบัติเหตุผมรับผิดชอบไม่ไหว แต่สาวคนนั้นก็อ้อนวอนต่อว่าขอเถอะนะ ขอไปด้วย โบกคันไหนเขาก็ไม่รับ แต่ซีซ่าก็บอกให้รอคันหลังแล้วบึ่งรถไปอย่างไร้เยื่อใย จังหวะที่ขับขึ้นดอยนั้น ทุกครั้งที่ผ่านโค้ง ซีว่ารู้สึกว่าบัวจะกำที่ไหล่เค้าแน่นขึ้นๆ ตลอดทุกๆโค้ง แต่ก็คิดว่าเพื่อนคงกลัวตก หรือหนาว เลยไม่ได้สนใจ พอไปถึงจุดที่เพื่อนๆอยุ่ เพื่อนๆก็วิ่งจะมารับของ แต่ทุกคนก็ต้องหยุดชะงักหน้าถอดสี ซีซ่างง ที่เพื่อนหยุดเดินเข้ามาหา ก็เลยหันไปดูบัวที่ยังเกาะไหล่แน่น น้ำหูน้ำตาไหล น้ำลายฟูมปาก ซีซ่าตกใจและเรียกเพื่อนมาช่วยกันปฐมพยาบาล จนสักพัก บัวฟื้นขึ้นมา ก็เรียกหาซีซ่า แล้วถามซีซ่าว่าเห็นผู้หญิงตรงทางโค้งมั้ย ซีว่าก็ตอบว่า เห็นสิวะ เรายังจอดถามเค้าอยู่เลย บัวเลยเล่าว่า ทุกๆโค้งผู้หญิงคนนั้นจะมายืนอยู่ด้วยสีหน้าโกรธ และยืนอยู่ฝั่งเดียวกับที่มอไซด์ขับ นั่นก็คือฝั่งซ้าย ซึ่งเฉียดมากๆ แต่ซีซ่าไม่เห็น นั่นเป็นเหตุผลที่บัวจิกที่ไหล่ซีซ่าแน่นขึ้นเรื่อยๆ

                และหลังจากนั้นก็พากินเหล้าย้อมใจ พอเก้าโมงเช้า ก็รีบกลับลำปางทันที และซีซ่าเองก็ไม่กลับไปที่ดอยนั้นอีกเลย  

ขอบคุณที่มา https://pantip.com/topic/35092208/story



 






 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรื่องผีที่สมุทรปราการ

เรื่องผีที่ร้อยเอ็ด

เรื่องผีที่ลำปาง