เรื่องผีที่ศรีสะเกษ
1.
เรื่อง
สำรวจบ้านร้างที่ศรีสะเกษ
เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณตุ่นครับ
คุณตุ่นเล่าว่า.. ผมเป็นคนจังหวัดศรีสะเกษ เรื่องนี้ผมได้ฟังมาจาก พี่โจ
ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเองครับ เรียกว่าเจอแบบจังๆ เลย
คือบ้านพี่โจแกจะอยู่อำเภอกันทรลักษร์ คนละอำเภอกับบ้านผม พี่โจเล่าให้ฟังว่า
เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน วัยกำลังคึกคะนองเลย
สมัยนั้นพี่โจแกจะเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไร เลยมักจะซน
หาเรื่องพิสูจน์ท้าทายไปทั่ว และในตัวอำเภอนั้น ตรงแถวบ้านแกจะมีบ้านเก่าๆ
หลังหนึ่ง ถูกปล่อยทิ้งร้างมาหลายปี ไม่มีใครสนใจคิดจะเข้าไปในบ้านหลังนั้นเลย
ข้างนอกมีต้นไม้ขึ้นรกเต็มไปหมด ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
วันหนึ่งพี่โจเลยชวนเพื่อนคนนึงไปดู ว่าจะมีอะไรข้างในบ้าน
ช่วงบ่ายวันนั้นก็เลยพากันไปที่บ้านหลังดังกล่าว
แต่ก็ต้องทุลักทุเลเข้าทางหน้าต่างครับ เพราะประตูรอบๆ ถูกปิดตายหมด..
ภายในบ้านจะเหมือนกับบ้านคนเก่าคนแก่สมัยก่อน
มีของใช้ถ้วยชามเป็นกระเบื้องเก่าแก่โบราณ พวกตู้ เตียง โซฟา ก็ยังอยู่ครบ
คือของทุกอย่างยังวางไว้ราวกับว่ามีคนอยู่ เพียงแต่มีฝุ่นจับเท่านั้น.. เดินดูชั้นล่างเสร็จ
ก็ขึ้นไปชั้น 2 ต่อ แต่พี่โจกลับต้องวิ่งตาตั้งลงมาทันที
เพราะขึ้นไปเจอตุ๊กตาเด็กทารกอยู่บนชั้น 2 (พี่โจไม่เคยกลัวอะไร
แต่จะเป็นคนกลัวตุ๊กตาเด็กทารกมากๆ ครับ)
เพื่อนแกก็เลยขึ้นไปเอาตุ๊กตาตัวนั้นหลบไว้ก่อน พี่โจถึงค่อยขึ้นตามไป
เดินสำรวจกันดูจนทั่วชั้น 2
ก็ไปเจอเหมือนกับตู้ใส่ของสมัยโบราณ แต่โดนเตียงขวางไว้อยู่
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เลยช่วยกันดันเตียงออก แต่แล้วก็ต้องตาค้างกันทั้งคู่ครับ
เพราะอยู่ๆ ที่ด้านหลังเตียงก็มีผู้ชายลุกยืนขึ้นมาต่อหน้าต่อตา แต่งตัวดูมีฐานะ
แต่รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่คนแน่ๆ เพราะผู้ชายคนนี้ไม่มีท่อนล่าง!
คือมองไม่เห็นขาเลยครับ เป็นว่างๆ เปล่าๆ ส่วนหน้าก็เห็นไม่ค่อยชัด แล้วชั่วอึดใจ
ผู้หญิงอีกคนก็โผล่ขึ้นมาอีก คราวนี้มีขาครับ หน้าตาสวยดูดี
แต่เบ้าตาลึกโบ๋เข้าไปข้างใน ทั้ง 2 ยืนอยู่คู่กันอยู่ จ้องมาทางพี่โจกับเพื่อน
ทั้งพี่โจกับเพื่อนได้แต่ยืนอึ้ง อารมณ์เหมือนมาขโมยของบ้านคนอื่นแล้วถูกจับได้
แต่นี่มันยิ่งกว่านั้น 100 เท่าเลยครับ เพื่อนพี่โจทรุดลงไปนั่งปากสั่นไม่หยุดเลย
แต่พี่โจยังพอมีสติรีบตบหัวเพื่อนดัง ‘ป้าบ’ ใหญ่ จนเพื่อนเริ่มรู้สึกตัว
พอรู้สึกตัวเท่านั้นล่ะครับ ลุกขึ้นวิ่งทะลุหน้าต่างชั้น 2 ลงมาเลย
พี่โจเองก็โดดตามลงมา ต่างคนต่างวิ่งไม่เหลียวหลังละครับ
ระหว่างวิ่งนั้นยังรู้สึกเสียววาบท้ายทอยไปตลอดทาง
เหมือนกับมีคนตามมาด้วยยังไงยังงั้นเลย
แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้น่ะสิครับ
พี่โจแกดันไปหยิบแบงค์เก่าติดมือมาด้วย แกก็เอาให้พ่อไป พ่อแกก็เอาไปขายต่อ..
จากนั้นมาไม่ถึงเดือน พ่อพี่โจก็ขับรถชนรั้วบ้านร้างหลังนั้นอย่างจัง
จนต้องเข้าไปรักษาในตัวเมืองศรีสะเกษ หมอบอกว่ามีการกระทบกระเทือนทางสมองอย่างหนัก
มีเลือดคั่งในสมองอยู่ตรงจุดที่จะผ่าตัดก็ผ่าไม่ได้
และปีต่อมาพ่อพี่โจก็เสียชีวิตลง.. ไม่ว่าจะด้วยเหตุบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่
จากนั้นมาพี่โจก็ไม่คิดผ่านเข้าไปในซอยบ้านร้างหลังนั้นอีกเลย..
Story by คุณตุ่น
ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/
...............................................
...............................................
ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/
...............................................
...............................................
2.
เรื่อง ค่ายนักกีฬาโรงเรียน
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นเมื่อ 3
ปีก่อนค่ะ ช่วงนั้นเราอยู่ ม.4
ทุกๆ ปี ทางโรงเรียนจะมีการแข่งขันกีฬา เพื่อคัดนักเรียนไปทำการแข่งในระดับภาค
ซึ่งปีนี้เราเป็นหนึ่งในนักกีฬาวอลเล่บอล
ที่ต้องไปทำการแข่งขันที่จังหวัดศรีสะเกษค่ะ
พอไปถึงศรีสะเกษ
เราได้เข้าไปพักที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งจัดเป็นค่ายนักกีฬา
อยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ไปถึงวันแรกก็ปกติ ไม่มีไรค่ะ พอมาวันที่ 3
เป็นวันที่เราต้องลงแข่ง กว่าจะแข่งเสร็จก็ดึกมากแล้ว นักกีฬาประเภทอื่นๆ
เค้ากลับกันหมดแล้ว พวกเรากว่าจะกลับขึ้นห้องพักก็ประมาณ 4
ทุ่มได้.. เรากับเพื่อนในทีม 6
คนพากันไปอาบน้ำ ตรงห้องอาบน้ำที่เขาจัดไว้ให้ แต่พอไปถึงน้ำกลับไม่ไหลค่ะ
เลยต้องพากันไปหาที่อาบที่อื่น ก็เดินไปหลังห้องคหกรรมมั้งคะ จะมีห้องน้ำ 4
ห้อง เลยเข้าไปอาบห้องละคน และอีก 2
คนรอข้างนอก..
เราเป็นกลุ่ม 4
คนที่เข้าไปอาบก่อนค่ะ พอเราอาบเสร็จเพื่อนอีก 2 คนที่เหลือก็เข้าไปอาบต่อ เรา 4
คนก็ออกมานั่งรอข้างหน้า คุยเล่นไปเรื่อย สักพักได้ยินเสียงคนกวาดขยะ
อยู่แถวสนามเด็กเล่นใกล้ๆ เราก็หันไปดูค่ะ แต่มองไม่ชัดเท่าไหร่
เพราะเราถอดคอนแท็กเลนส์ไปแล้วก่อนอาบน้ำ
เราเห็นคนกำลังยืนกวาดสนามเราเลยพูดขึ้นว่า ‘มากวาดอะไรตอนดึกๆ ดื่นๆ วะ?’ เพื่อนเราก็หันมาถาม
‘อะไร? ใครกวาดอะไร?’ เราก็ชี้ให้เพื่อนข้างๆ
ดูค่ะ แต่พอเพื่อนเรามองไปแล้วก็เงียบไปค่ะ.. เราก็ไม่ได้สนใจ เล่นมือถือไป
ทีนี้เพื่อนเราที่เงียบเมื่อกี้ก็บอกเพื่อนอีก
2
คนว่า ‘มึงมองไปที่สนามเด็กเล่นสิ’ ปฏิกิริยาของเพื่อน
2
คนนั้นคือ เงียบกริบ.. เราก็งงเลยถามเพื่อนๆ ว่า ‘มีอะไรวะ?’ เพื่อนเราบอกแค่ว่า ‘ถ้า
2
คนที่อาบอยู่ออกมาแล้ว รีบกลับห้องด่วนเลย..’ สักพักพอเพื่อน 2 คนนั้นออกมาจากห้องน้ำเท่านั้นล่ะ
อีเพื่อนข้างๆ นี่แทบจะกระชากแขนเราวิ่งเลยค่ะ แต่ละนางนี่วิ่งแทบไม่ต้องบอก
วิ่งไปกรี๊ดไป ตัวใครตัวมันเลย แม้แต่ 2 คนที่ออกมาทีหลังก็ยังวิ่งค่ะ
เราเลยสงสัยว่ามีอะไรที่สนามเด็กเล่น
เลยลองใส่แว่นแล้วหันกลับไปดูทั้งที่วิ่งอยู่ สิ่งที่เห็นก็คือ
คนกวาดขยะไม่มีหัวค่ะ! เรานี่หันกลับมาวิ่งนำหน้าเพื่อน ถึงห้องคนแรกเลย..
พอมาถึงเพื่อนแต่ละคนก็บอกว่าเห็นเหมือนกันหมด คือผู้ชายไม่มีหัว ถือไม้กวาดทางมะพร้าวกวาดพื้นอยู่!
แต่ 2
คนสุดท้ายนี่เห็นแบบว่าเค้าโบกมือเรียกเลย พูดแล้วก็ขนลุกค่ะ..
หลังจากวันนั้นพวกเราก็ไม่ไปอาบน้ำที่นั่นอีกเลย
แล้วรีบนอนตั้งแต่หัวค่ำด้วย
วันไหนแข่งเสร็จค่ำก็เลือกที่จะไม่อาบน้ำกันเลยทีเดียวค่ะ..
Story by คุณเจน
ขอบคุณที่มา https://www.thehouse.online/story/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น